เจ๊าะแจ๊ะวิทยาศาสตร์-หารูปคนปิดจมูก-รูปเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่
ข่าวด่วนสำหรับน้องชั้น ป.6 ม.3 และ ม.6 ที่ป่วยเป็นไข้หวัด พี่ฮัมมิ่งเบิร์ด รู้มาว่า สทศ.จะจัดสอบโอเน็ตรอบพิเศษในวันที่ 13-14 มี.ค.นี้ ว่าแต่ เจ้าไข้หวัดใหญ่ 2009 หรือมาปีนี้ 2010 แล้วยังมีผู้ป่วยอยู่นั้น ตกลงแล้ว ไข้หวัดใหญ่ 2009 หรือ 2010
แตกต่างอย่างไรกับไข้หวัดทั่วๆ ไปกันนะ วันนี้ พี่ฮัมมิ่งเบิร์ด ได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วยไขข้อข้องใจว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 น่าจะมีที่มาจากเชื้อไวรัสในหมู จึงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของคนส่วนใหญ่ไม่อาจจะตอบสนองต่อเชื้อได้ดี จนทำให้อัตราการแพร่กระจายระหว่างคนต่อคนมีค่าค่อนข้างสูงตามไปด้วย ส่วนไข้หวัดทั่วไปนั้น ร่างกายของคนเราจะมีภูมิคุ้มกันอยู่แล้ว
ตอนแรกนักวิทยาศาสตร์คำนวณอัตราการสืบทอดพันธุ์ของเชื้อ ซึ่งบอกว่าสามารถแพร่กระจายเชื้อจากคนคนหนึ่งไปสู่ผู้อื่นได้กี่คน ได้เพียง 1.4-1.6 แต่ผลวิเคราะห์ล่าสุดพบว่าการกระจายเชื้อนี้มีสูง 2.2-3.1 หรือเทียบได้กับการระบาดครั้งใหญ่ไปทั่วโลกก่อนหน้านี้ ยิ่งไปกว่านั้นจากผลการวิเคราะห์ตัวอย่างเชื้อที่พบในผู้ป่วยชาวเนเธอร์แลนด์ซึ่งบินกลับมาจากประเทศเม็กซิโก พบว่าเชื้อมีการกลายพันธุ์ที่ยีน PB2 ซึ่งมีไว้สร้างโปรตีนโพลีเมอเรส ในตำแหน่งกรดอะมิโนที่ 677 จากกรดกลูตามิก กลายเป็นไกลซีน ซึ่งอาจทำให้เชื้อยิ่งแพร่กระจายระหว่างคนสู่คนได้ดียิ่งขึ้น
นักวิทยาศาสตร์หลายคนเฝ้าจับตาดูการกลายพันธุ์ที่ยีน PB2 นี้ว่าจะส่งผลคล้ายคลึงกับที่เกิดขึ้นในไวรัสไข้หวัดนก เอช 5 เอ็น 1 ที่ตำแหน่ง 627 แล้วทำให้ไวรัสมีความรุนแรงและติดต่อระหว่างคนได้มากขึ้นหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มีคำตอบ อย่างไรก็ตามตอนนี้มีการพัฒนาวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 นี้ เพื่อรองรับปริมาณผู้ป่วยโรคดังกล่าวมากขึ้น
หากน้องๆ คนไหนหมั่นดูแลสุขภาพ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงหลีกเลี่ยงผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัด หรือหากเป็นหวัดก็พักผ่อนอยู่บ้านจะได้ไม่ไปแพร่เชื้อให้ใคร รับรองน้องๆ ไม่ต้องเกรงกลัวไข้หวัดใหญ่ 2009 แน่นอนค่ะ อาจารย์ยังฝากทิ้งท้ายอีกนิดว่า ใครยังไม่เข้าใจการเกิดโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 มากนัก สามารถติดตามข่าวสารที่ www.thaihealth.or.th ได้เช่นเดียวกันค่ะ