5 เคล็ดลับ! ยืดความจำสมอง | คมชัดลึก

มันคงจะดีมาก ๆ ถ้าหากว่าเราสามารถยืดประสิทธิภาพการทำงานของสมองให้ทำงานได้เหมือนสมัยวัยรุ่น วันนี้เราจึงรวมเคล็ดลับจากงานวิจัยต่าง ๆ ที่ศึกษาการทำงานระบบประสาทจากประเทศสหรัฐเมริกา อย่างเช่น  งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (University of Columbia) มาฝากว่าเราจะทำอย่างไรได้บ้างให้สมองเสื่อม ช้าลง

 

 

 5 วิธีลดความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม

 

• การเข้าสังคม

งานวิจัยชี้กว่า ผู้ที่ตีตัวออกจากสังคมมีความเสี่ยงในการเป็นโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นถึง 50% เขายังแนะว่า การเข้าสังคมที่ว่านี้จะเป็นแบบไหนก็ได้ตามความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการออกไปเที่ยงต่างจังหวัดกับเพื่อน ๆ การออกไปทำกิจกรรมจิตอาสา หรือแม้กระทั่งการเลี้ยงสัตว์ตัวน้อย อย่างไรก็ตามปัญหาที่ผู้สูงอายุมักต้องเผชิญคือปัญหาในการได้ยินที่ลดลงไปตามอายุ ปัญหานี้ทำให้บางคนเลือกที่จะเก็บตัวเพื่อที่จะไม่ต้องมารับมือกับปัญหา แต่ผู้แนะนำชี้ว่า หากเป็นไปได้การลองค่อย ๆ ปรับตัวดู เพราะจะให้สมองทำงานได้ดีขึ้น และจะทำให้การเข้าสังคมได้สนุกมากขึ้น 

 

 

•  พักผ่อนให้เพียงพอ

แต่ละคนอาจจะวิธีการพักผ่อนที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีการนั่งสมาธิ ฟังธรรม ฟังเพลง ไปนวด หรือการไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ ความผ่อนคลายจะทำให้สมองของเรากระฉับกระเฉงมากขึ้น แล้วยังส่งผลต่อการนอนหลับที่ดีขึ้นด้วย งานวิจัยชี้ว่า การนอนหลับที่ดีจะเป็นช่วงการหลับลึก เพราะเป็นช่วงเวลาที่สมองประมวลและจัดเก็บความส่งจำ  แต่การนอนหลับลึกนั้นจะทำได้อยากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออายุมากขึ้น  การจัดเวลานอนอย่างเป็นระบบ หรือ นอนเวลาเดียวกันทุก ๆ คืนจะมีส่วนช่วยให้เรานอนหลับได้ดีขึ้น

 

 

• ออกกำลังกายในแบบที่เราชอบ

มีหลักฐานออกมาเยอะมากว่าการออกกำลังกายนั้นดีต่อสมอง เพราะมันไม่เพียงช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อประสาท แต่ยังช่วยในการลดการอักเสปของเนื้อสมองอีกด้วย การออกกำลังกายก็ทำได้หลายวิธี เช่น การเต้นแอโรบิค การเล่นโยคะ หรือการออกกำลังกายให้เหมาะกับวัย

 

 

 

• เลือกกินอาหาร (สมอง)

การกินนั้นสำคัญมาก ๆ หลังออกกำลังกายเราก็ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ จากงานวิจัย คนที่ลดการกินเนื้อแดง แล้วหันมากินปลา ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และถั่ว สามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดความดันโลหิต มากไปกว่านั้น ผู้ที่มีวินัยในการปรับการกินสามารถลดความเสี่ยงของการเป็นความจำเสื่อมได้ถึง 40%

 

 

 

•  การมีจุดมุ่งหมายในชีวิต

คนที่มี "จุดมุ่งหมายในชีวิต" สามารถลดภาวะสมองเสื่อมได้ถึง 30% เพราะงานวิจัยชี้ว่าคนเหล่านี้สามารถเข้าใจถึงความหมายของชีวิต และ สิ่งรอบตัวที่มีความหมายอย่างลึกซึ้ง จุดมุ่งหมายเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่ใหญ่ แต่อาจจะเป็นการเริ่มต้นเขียนนิยาย การออกไปทำงานเพื่อสังคม หรือเริ่มต้นทำงานอดิเรกที่อยากทำมานานแล้ว ซึ่งแต่ละคนก็จะให้คุณค่าต่อความหมายนั้น ๆ ต่างกันออกไป การปลูกฝังจิตสำนึกในมุมการสร้างจุดมุ่งหมายช่วยจะให้สมองมีสุขภาพที่ดี เราจึงได้ยินวลีนี้กันบ่อย ๆ ว่า "ให้ทำในสิ่งที่รัก และรักในสิ่งที่ทำ" 

 

 

 

 

 

 

ที่มาบทความ:
https://time.com/6053519/how-to-keep-brain-sharp-aging/?utm_source=facebook&utm_medium=social&utm_campaign=editorial&utm_term=health_&linkId=125132588&fbclid=IwAR38OlF01rgAZv_Fu_WjoQ694NzJVWnJ_K5vlTs_R3Pdyx2VDQzwfpTJ1zc
ที่มารูปภาพ:
https://unsplash.com