ไลฟ์สไตล์

"บวมน้ำ"ปัจจัยเสี่ยงสู่ภาวะแทรกซ้อน

"บวมน้ำ"ปัจจัยเสี่ยงสู่ภาวะแทรกซ้อน

30 ก.ค. 2564

"บวมน้ำ" คือภาวะที่มีน้ำหรือน้ำเหลือง สะสมอยู่ภายในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของร่างกายในปริมาณมาก จนทำให้เกิดอาการบวม เกิดได้กับทุกส่วนของร่างกาย ที่มาของ"บวมน้ำ" มีทั้งจากอาการป่วย การใช้ยา อาหารที่รับประทาน

 

 

 

 

 อาการ “บวมน้ำ” Edema   เกิดขึ้นได้ บริเวณมือ แขน ขา ข้อเท้า และเท้า    ลักษณะของการบวมน้ำคือ  ผิวหนังตึง  มีความมันวาว ผิวหนังเป็นรอยบุ๋ม  หากถูกกดหรือจิ้มค้างไว้  5 วินาที ช่วงท้องมีขนาดใหญ่ขึ้น  เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังบวมและโป่ง โดยเฉพาะบริเวณขาและแขน  ผู้ที่อาการ  จะมีปัญหาในการเดิน หากเกิดอาการบวมบริเวณขา กรณีที่ปอดบวมน้ำ อาจทำให้เกิดอาการไอหรือมีปัญหาในการหายใจ

 

 

 

 

 

 

 

สาเหตุของอาการ"บวมน้ำ " อาการบวมน้ำเกิดจากการมีของเหลวรั่วไหลออกมาจากเส้นเลือดขนาดเล็กในร่างกาย ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณรอบ ๆ บริเวณนั้นบวมขึ้น อาการบวมน้ำอาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ อาการเจ็บป่วย เช่น  ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ หรือโรคเกี่ยวกับไทรอยด์  ,ต่อมน้ำเหลืองทำงานผิดปกติ  ,เส้นเลือดขอด หลอดเลือดดำที่ขาได้รับความเสียหาย หรือไม่แข็งแรง ,การติดเชื้อ ,ภาวะขาดโปรตีนอย่างรุนแรง หรือขาดโปรตีนเป็นเวลานาน ,อาการแพ้อย่างรุนแรง,โรคไต โรคตับ เช่น ตับแข็ง เป็นต้น  ภาวะหัวใจวาย

 

 

การใช้ยาบางชนิด เช่น  ยาแก้ปวด  ,ยาแก้อักเสบ หรือ NSAIDs,ยาเอสโตรเจน,ยาสเตียรอยด์,ยารักษาความดันโลหิตสูง,ยารักษาโรคเบาหวานบางชนิด  เป็นต้น สาเหตุอื่น ๆ เช่น  การนั่งหรือยืนในท่าเดิมเป็นเวลานาน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสภาพอากาศร้อน การรับประทานอาหารรสเค็มจัด  การตั้งครรภ์ อาการก่อนมีประจำเดือน หรือการเปลี่ยนเเปลงของฮอร์โมน การฉายรังสีเพื่อรักษาโรคมะเร็ง ,โรคเท้าช้าง, การผ่าตัดต่อมน้ำเหลือง   ปัจจัยเหล่านี้ ล้วนมีส่วนที่ทำให้เกิดอาการ"บวมน้ำ"

 

 

การปล่อยไว้โดยไม่รักษา ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน มีอาการบวมและรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น ข้อติดแข็ง  เดินลำบาก  ผิวหนังตึงจนทำให้รู้สึกคันและไม่สบายตัว  การไหลเวียนโลหิตลดลง และความยืดหยุ่นของหลอดเลือดแดง เส้นเลือด ข้อต่อ หรือกล้ามเนื้อลดลง เกิดแผลเป็นบริเวณช่องว่างระหว่างเนื้อเยื่อ เกิดการติดเชื้อบริเวณที่บวม และเป็นแผลพุพองที่ผิวหนังมากขึ้น

 

 

การวินิจฉัยอาการบวมน้ำ แพทย์อาจวินิจฉัยอาการบวมน้ำในเบื้องต้นด้วยการกดหรือจิ้มบริเวณผิวหนังที่ปรากฏอาการบวมนาน 15 วินาที และสังเกตรอยบุ๋มในบริเวณดังกล่าว โดยพิจารณาร่วมกับประวัติทางการแพทย์ อาการอื่น ๆ และการตรวจระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ในบางกรณี แพทย์อาจทำการทดสอบอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ อัลตราซาวด์ เอ็มอาร์ไอ ตรวจเลือด หรือตรวจปัสสาวะ เป็นต้น

 

 

 

\"บวมน้ำ\"ปัจจัยเสี่ยงสู่ภาวะแทรกซ้อน

 

 

 

\"บวมน้ำ\"ปัจจัยเสี่ยงสู่ภาวะแทรกซ้อน


การรักษาอาการบวมน้ำ  อาการบวมน้ำควรได้รับการรักษาตามสาเหตุ ซึ่งหากอาการบวมที่ปรากฏนั้นไม่รุนแรงมากนัก ผู้ป่วยก็อาจบรรเทาอาการดังกล่าวได้ด้วยตนเองในเบื้องต้น   หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือการดื่มแอลกอฮอล์  รับประทานอาหารให้หลากหลาย หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารรสเค็มจัด เพราะเกลืออาจช่วยเพิ่มปริมาณของเหลวในร่างกาย จนเกิดการบวมน้ำ 

 

 

 เปลี่ยนท่าทางบ่อย ๆ และเพิ่มการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณขา เพื่อให้ร่างกายได้ปั๊มของเหลวส่วนเกินกลับสู่หัวใจ  ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมสม่ำเสมอ เพื่อช่วยลดอาการบวมจากการไม่เคลื่อนไหวร่างกาย

 

 

 

\"บวมน้ำ\"ปัจจัยเสี่ยงสู่ภาวะแทรกซ้อน

 

 

 

 

 

 

 

\"บวมน้ำ\"ปัจจัยเสี่ยงสู่ภาวะแทรกซ้อน

 

 

 

 

ดูแลผิวบริเวณที่มีอาการบวมให้สะอาดและชุ่มชื้นอยู่เสมอ  เฝ้าระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะบริเวณเท้า เพราะอาจติดเชื้อได้หากผิวแห้ง แตก หรือได้รับบาดเจ็บอย่างรอยข่วนและรอยบาด   ยืดเหยียดอวัยวะบริเวณที่มีอาการบวมให้อยู่สูงกว่าระดับหัวใจประมาณ 2-3 ครั้ง/วัน หรือ อาจทำตอนก่อนนอนก็ได้  นวดเพื่อให้แรงกดช่วยกระจายของเหลวส่วนเกินออกจากบริเวณดังกล่าว หรือเข้ารับการรักษาด้วยวิธีฝังเข็ม

 

 

สวมถุงน่องหรือถุงมือกระชับทางการแพทย์ เพื่อป้องกันการกักเก็บของเหลวไว้ในเนื้อเยื่อ  รับประทานสารสกัดจากเมล็ดองุ่นภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพราะอาจช่วยลดความดันโลหิต และบรรเทาอาการบวมน้ำที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของหลอดเลือดดำและเส้นเลือดขอด

 

 

เพื่อความปลอดภัย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนบรรเทาอาการบวมน้ำด้วยตนเองทุกครั้ง และหากอาการรุนแรงขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะอาการบวมน้ำเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ หากอาการเป็นผลมาจากการใช้ยา แพทย์อาจให้ผู้ป่วยหยุดใช้ยา  การป้องกันอาการบวมน้ำทำได้เพียงบางสาเหตุเท่านั้น

 

 

หากเกิดจากการรับประทานอาหาร อาจปรับเปลี่ยน   เช่น  หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มหรือรับประทานอาหารที่มีรสเค็มให้น้อยลง  อย่างไรก็ตามหากอาการบวมน้ำเกิดมาจากการเจ็บป่วย ในแง่การป้องกันอาจจะทำได้ไม่เต็มที่  สิ่งที่สามารถทำได้คือ บรรเทาอาการได้ด้วยการรักษาโรคและอาการที่เกิดขึ้น

 

 

 

 

\"บวมน้ำ\"ปัจจัยเสี่ยงสู่ภาวะแทรกซ้อน

 

 

 

\"บวมน้ำ\"ปัจจัยเสี่ยงสู่ภาวะแทรกซ้อน

 

 

 

ขอขอบคุณเนื้อหาจาก   https://www.pobpad.com/

ภาพประกอบจาก https://pixabay.com/th/