4 ประโยชน์ของ "วิตามิน A"
"วิตามินเอ" หนึ่งในวิตามิน ที่สำคัญที่ร่างกายต้องการ ซึ่ง "วิตามินเอ" มาจากไหน มีประโยชน์อย่างไร วันนี้เราจะพาไปรู้จัก
วิตามินเอ คืออะไร ?
วิตามินเอ ( Vitamin A ) คือ วิตามินที่ละลายได้ในไขมัน จัดให้อยู่ในหมวดของวิตามิน มีผลต่อการเจริญเติบโต การสร้างกระดูก และระบบสืบพันธุ์ รวมถึงป้องกันการติดเชื้อระบบต่าง ๆ
คุณสมบัติของวิตามินเอ
มีคุณสมบัติเฉพาะตัวคือ เป็นวิตามินที่ไม่ละลายในน้ำ แต่จะละลายเฉพาะในไขมันเท่านั้นสามารถทดความร้อนได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ต้องไม่ร้อนหรือมีอุณหภูมิที่สูงมากจนเกินไป และยังทนต่อความเป็นกรดและด่างอีกด้วยดังนั้นการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของวิตามินเอ มักจะนิยมเก็บใส่ขวดสีน้ำตาลและใส่สารต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ( Antioxidant ) เช่น วิตามินอีเอาไว้ด้วย เพื่อให้สูญเสียคุณค่าทางอาหารให้น้อยที่สุด
วิตามินเอสามารถหาได้จากที่ไหนบ้าง
ร่างกายของมนุษย์เราไม่สามารถผลิตวิตามินเอ ขึ้นมาใช้งานเองได้
อาหารที่มีวิตามินเอสำเร็จรูป ( Retinol ) คือ อาหารที่มีวิตามินเอ และร่างกายสามารถดูดซึมนำไปใช้ได้ทันทีเมื่อผ่านกระบวนการเผาผลาญภายในร่างกาย เช่น นม ไข่แดง ตับ เนื้อสัตว์ น้ำมันตับปลา เป็นต้น
อาหารที่มีโปรวิตามินเอหรือแคโรทีน คือ อาหารที่ทานเข้าไปแล้วจะถูกกลไกในร่างกายเปลี่ยนแปลงให้เป็นวิตามินเอก่อนที่จะนำไปใช้งาน เช่น
- ผักต่างๆพบมากในพืชใบเขียวเข้ม เช่น แครอท ตำลึง คะน้า ผักโขม ยอดชะอม ยอดกระถิ่น ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว กำหล่ำปลี เป็นต้น
- ผลไม้ต่างๆ โดยเฉพาะผลไม้สีเหลือง เช่น แตงโม มะละกอ แคนตาลูป ฟักทอง มะม่วงสุก กล้วหอม เป็นต้น
4 ประโยชน์ "วิตามินเอ"
1. ช่วยสร้างภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อโรค
วิตามินเอ ช่วยสร้างภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อในทางเดินหายใจ โดยจะช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และเพิ่มความแข็งแรงของเม็ดเลือดขาว เพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายของเรา
2. ช่วยบำรุงผิวพรรณ
วิตามินเอ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย, ลดอาการอักเสบของผิว, ช่วยลดเลือนจุดด่างดำได้ ทั้งนี้ ในอุตสาหกรรมเวชสำอางค์ จึงได้นำวิตามินเอ มาผสมทั้งครีม, แป้ง และผลิตภัณฑ์อีกหลาย ๆ ตัว อีกทั้งยัง ส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกาย ผิวพรรณ ผม ฟัน เหงือก และเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก ได้อีกด้วย
3. ช่วยต่อการสมานแผลได้ดี
อาหารในประเภทวิตามินเอ ได้แก่ ปลา ผักใบเขียว มะละกอ มะม่วง แตงโม แคนตาลูป แครอท และมันเทศ อาหารประเภทนี้ช่วยสมานแผลให้หายเร็ว และช่วยป้องกันการติดเชื้อของแผลได้ดี เนื่องจากวิตามินเอช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อ และเป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์เนื้อเยื่อใหม่
4. ช่วยรักษาสิวจากใบหน้า
หลายคนมีปัญหาในการเกิดสิวบริเวณใบหน้า สารในวิตามินเอ สามารถช่วยรักษาสิวที่มีอาการรุนแรง ที่ไม่สามารถควบคุมอาการ ได้จากการรักษาอื่นๆ หรือสิวชนิดที่มีแผลเป็น กลไกการออกฤทธิ์ โดยรวม คือ ยาจะทำหน้าที่ยับยั้งสาเหตุของ การเกิดสิว เช่น กดการทำงานของต่อมไขมันทำให้ผลิตสารที่เป็นไขมัน (sebum) ลดลง ลดปริมาณเชื้อ ดังนั้นภายในตัวยาต่าง ๆ จึงมีส่วนผสมของวิตามินเอ
ที่มา Medthai , Amprohealth