หยุดอาการ "คัน" น้องสาว ปล่อยไว้ช่องคลอดอาจติดเชื้อ
อาการคันจิ๊มิหรือคันอวัยวะเพศของสาวๆ เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกรำคาญและเสียความมั่นใจ แถมอาการที่คันอยู่อาจทำให้น้องสาวมีกลิ่นหรือเป็นสัญญาณบอกโรคผู้หญิงต่างๆ ดังนั้นแค่ ”คัน” ก็ห้ามปล่อยไว้ รีบสังเกตและหาวิธีดูแลที่ถูกต้อง
อาการคันที่อวัยวะเพศหรือช่องคลอด เป็นอาการที่พบบ่อยเรียกว่าอาการยอดฮิตของคุณผู้หญิง ซึ่งสาเหตุของอาการคันมีหลากหลาย ทั้งจากเชื้อรา แพ้ผ้าอนามัยหรือจากโรคเบาหวานก็ได้ ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่เมื่อมีอาการคันก็มักเลือกที่จะไปหาซื้อยามาลองรักษาด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น ซื้อยามาเหน็บ ซื้อครีมมาทา จนทำเองแล้วไม่หายจึงค่อยมาหาหมอ แถมบางคนอาจมีอาการคันและเกาจนผิวหนังเปลี่ยนสี หรือปล่อยให้เป็นเรื้อรังจนมีอาการอักเสบติดเชื้อในช่องคลอดได้ ฉะนั้นแค่ “คัน”เมื่อไรก็ควรจะรีบไปปรึกษาหมอ
อย่าปล่อยให้อาการคัน ทำจนอันตราย เพราะอาการคัน คือสัญญาณของการติดเชื้อและอักเสบในช่องคลอด อันเป็นจุดเริ่มต้นของอาการต่างๆ ทั้ง ตกขาว การติดเชื้อในช่องคลอด การอักเสบในอุ้งเชิงกราน หรือภาวะปีกมดลูกอักเสบจนเป็นอันตรายได้ในอนาคต ซึ่งอาการคันน้องสาวเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ นั่นคือ อาการคันที่มีสาเหตุทั้งจากการติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สังเกตด่วน 4 "โรคผู้หญิง" ไม่ใช่มะเร็งแต่อันตราย
คันเพราะแพ้ระคายเคือง มักเป็นอาหารคันที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ แต่เกิดจากผิวหนังมีปัญหา เช่น ระคายเคือง หรือแพ้ บริเวณผิวหนังอวัยวะเพศ แพ้จากเสื้อผ้าชั้นในที่ใส่ แพ้น้ำยาซักล้างกางเกงใน เกิดการเสียดสี ใส่กางเกงในรัดแน่น ผิวหนังอับชื้น คันในร่มผ้า จนทำให้เกิดการตกขาวผิดปกติ
คันเพราะเกิดการติดเชื้อ นั่นคือคุณผู้หญิงมีอาการติดเชื้อที่ช่องคลอดจึงทำให้มีอาการคัน ส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อโปรโตซัว ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น
- ตกขาวสีเทา หรือเทาอ่อน มีกลิ่นเหม็นอับหรือคาว ส่วนใหญ่จะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย จากเพศสัมพันธ์ การสวนช่องคลอด หรือการรับยาปฏิชีวนะต่อเนื่อง
- ตกขาวเป็นก้อนสีขาวข้น หรือมีสีเหลืองขาว พร้อมกลิ่นเหม็นอับ คันบริเวณอวัยวะเพศ อาจเป็นร่วมกับอาการปัสสาวะขัด มักมาจากการติดเชื้อราในช่องคลอด
- ตกขาวสีเหลือง มีกลิ่นคาวและอาการคัน ปัสสาวะขัด อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น จากโรคหนองใน หรือ ติดเชื้อรา เชื้อไวรัส
- ตกขาวสีเขียว หรือเหลืองปนเขียว มีกลิ่นคาวและอาการคัน มักเกิดจากติดเชื้อจากแบคทีเรีย หรือการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
- ตกขาวมีสีน้ำตาลหรือมีเลือดปน อาจมีกลิ่นด้วยเกิดหลังการมีประจำเดือน หรืออาจจะเกิดจากการติดเชื้อที่ปากมดลูก เลือดออกจากการตกไข่
- ตกขาวแบบมีฟอง มักมีอาการระคายเคือง คันและแสบขัดตอนปัสสาวะ อาจเกิดจากการติดเชื้อทริโคโมนาสในช่องคลอดที่สามารถติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์
- ตกขาวสีชมพู หรือสีชมพูจางๆ มักพบในคุณแม่หลังคลอดบุตรและเกิดการลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก
ฉะนั้นหากคุณสาวๆ มีอาการคันและตกขาวลักษณะต่างๆ ที่ดูผิดปกติ แนะนำให้ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาได้ตรงกับโรค ไม่แนะนำให้ซื้อยาเหน็บหรือซื้อครีมมาทาเอง เพราะยาที่ใช้อาจไม่ตรงกับเชื้อที่เป็นรวมทั้งควรปฏิบัติตัวเพื่อการป้องกันดูแลไม่ให้เกิดอาการคันน้องสาว ด้วยวิธีการดังนี้
- ไม่ใส่กางเกงชั้นในที่รัดแน่น ซักด้วยน้ำยาที่อ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีหรือน้ำหอม
- เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดการหมักหมมของเชื้อโรค
- การทำความสะอาดที่ดีที่สุดคือ น้ำเปล่า หรือสบู่แค่เพียงภายนอก และซับให้แห้ง
- ไม่สวนล้างเข้าไปในบริเวณช่องคลอด หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น
- ดูแลชุดชั้นใน กางเกงในให้สะอาดและแห้งโดยการตากแดด
ขอบคุณข้อมูลจาก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และรพ.เวชธานี