กิน “สมุนไพร” บรรเทาเลือดจะไปลมจะมาในวัยทอง
ชวนคุณผู้หญิงวัย 40+ มาบรรเทาอาการเลือดจะไปลมจะมาใน “วัยทอง” ด้วยการกินอาหาร "สมุนไพร" ดีๆ ปรับธาตุให้สมดุล
ผู้หญิงวัยทอง พบได้ในช่วงอายุ 45-55 ปี มักเป็นช่วงใกล้หมดประจำเดือน ช่วงที่ไม่มีประจำเดือนต่อเนื่องกันมา 1 ปี หรือพบได้ในคุณผู้หญิงที่มีการผ่าตัดรังไข่ออกไปทั้งสองข้าง ทำให้สาววัยทองเกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ ฉะนั้นหากประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังเข้าสู่วัยทอง
ในทางแพทย์แผนไทยตามคัมภีร์เวชศาสตร์ แล้วเมื่อเข้าสู่ช่วงปัจฉิมวัย คือวัยช่วงอายุ 32 ปีเป็นต้นไป จะเป็นช่วงวัยที่มีธาตุลมในร่างกายเด่น ควรระมัดระวังไม่ให้ร่างกายเสียสมดุลของธาตุทั้ง 4 (ดิน น้ำ ลม ไฟ) เพราะอาจทำให้ธาตุลมในร่างกายถูกกระทบได้ง่ายและเกิดอาการเจ็บป่วยตามมา ในทางแผนไทยจึงมีคำเรียกว่า “เลือดจะไป ลมจะมา” แปลความหมายได้ว่า
“เลือดจะไป” คือ ต่อมโลหิตระดูจะไม่ทำงานได้เหมือนเดิม หมายถึงการหมดประจำเดือน
“ลมจะมา” ช่วงวัยเปลี่ยน ซึ่งเป็นช่วงวัยที่มีธาตุลมเป็นหลัก ซึ่งลมในร่างกายจะถูกกระทบได้ง่าย หากธาตุเสียสมดุล จะมีอาการแตกต่างกันไป ได้แก่ อาการร้อนวูบวาบ (ขี้หนาวขี้ร้อน) ท้องอืด ท้องผูก ผิวแห้งและคัน ปวดเมื่อยตามร่างกาย นอนไม่หลับ มีการเปลี่ยนสภาพทางจิตใจ เช่น โมโหง่าย ซึมเศร้า ขี้ลืม ใจน้อย เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 'วัยทอง เรื่องง่ายๆ ที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้'
- เตรียมรับมือวัยทองอย่างชาญฉลาด
- มหัศจรรย์ 7 สมุนไพรชะลอแก่
อาหารและสมุนไพรที่เหมาะกับสตรีวัยทอง ได้แก่
1. น้ำมันมะพร้าว
เพราะผิวหนังที่แห้งและคันง่าย เมื่อฮอร์โมนเพศลดลง จึงต้องบำรุงผิวและให้ความชุ่มชื่นด้วยสมุนไพร เช่น ทาน้ำมันมะพร้าวหลังการอาบน้ำ หรือใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรที่ลดอาการคันที่ผิวหนัง เช่น สบู่ขมิ้นชัน สบู่เหงือกปลาหมอ
2. กินพืชที่มีไฟโตรเอสโตรเจน ได้แก่ เต้าหู้เหลือง เต้าเจี้ยว งา แครอท น้ำมะพร้าว
เนื่องจากฮอร์โมนเพศที่ลดลง ทำให้ภายในร่างกายควบคุมอุณหภูมิได้ไม่ดีพอ ทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบ โดยเฉพาะกลางคืน ดังนั้นควรรับประทานพืชที่มีไฟโตรเอสโตรเจน ซึ่งคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน และสารไอโซฟลาโวน(Isoflavone) จะช่วยทำให้อาการร้อบวูบวาบลดลง
3. ดื่มสมุนไพรบำรุงร่างกาย
แนะนำให้วัยทองดื่มเครื่องดื่มสมุนไพรบำรุงร่างกาย บำรุงธาตุ เช่น น้ำใบเตย น้ำมะตูม น้ำฝาง ชาเกสรบัวหลวง หรือเครื่องดื่มรสเผ็ดร้อนเพื่อทำให้ธาตุลมในร่างกายเดินได้สะดวก เช่น น้ำขิง น้ำตะไคร้
4. สมุนไพรที่มีแคลเซียมสูง
เมื่อเข้าสู่วัยทอง โดยเฉพาะช่วงหมดประจำเดือนไปหลายปี จะมีโอกาสเสี่ยงเรื่องกระดูกบาง ดั้งนั้นควรรับประทานสมุนไพรที่มีแคลเซียมสูง เช่น ยอดแค ยอดใบขี้เหล็ก ยอดสะเดา ผักคะน้า ผักแพว ตำลึง
ยาสมุนไพรช่วยได้
คุณผู้หญิงวัยทองสามารถกินยาสมุนไพรที่ช่วยปรับเลือดลมได้ เช่น ยาหอมต่างๆ ที่มีสรรพคุณหลักช่วยในการบำรุงหัวใจ แก้วิงเวียน ช่วยให้เลือดลมไหวเวียนดีขึ้น ได้แก่ ยาหอมเทพจิตร แก้ลมวิงเวียน บำรุงหัวใจ หมายถึง บำรุงดวงจิตให้แช่มชื่น ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น ยาหอมนวโกฐ แก้ลมวิงเวียน แก้คลื่นไส้ อาเจียน(ลมจุกแน่นในอก) ในผู้สูงอายุ ยาหอมอินทจักร์ แก้คลื่นเหียนอาเจียน แก้ลมจุกเสียด
แต่มีข้อห้ามและข้อควรระวัง คือ ห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติแพ้เกสรดอกไม้ และคุณแม่ตั้งครรภ์ก็ไม่ควรกินยาหอมต่อเนื่องกันนานเกิน 5 วัน
*หมายเหตุ การใช้ยาเป็นเพียงการบรรเทาอาการเบื้องต้น หากสนใจควรปรึกษาแพทย์แผนไทยทุกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก https://www.gj.mahidol.ac.th ภาพจาก Pixabay