ห่อ “ประตูชัย” ฝรั่งเศส สร้างศิลปะระดับโลกจากเงินทุนของศิลปินเอง | คมชัดลึก

          "คริสโต" ศิลปินระดับโลกผู้ที่สร้างงานศิลปะสุดยิ่งใหญ่ด้วยการนำ สถานที่สำคัญของโลก ห่อด้วยผ้ามาแล้วมากมาย น่าเสียดายที่เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ความมุ่งมั่นยังไม่หมด เพราะล่าสุดหลานของเขาได้สานฝันต่อด้วยการทำงานศิลป์สะเทือนโลก ห่อ"ประตูชัยฝรั่งเศส"ได้สำเร็จ

 

 

 

          ข้อมูลจากสำนักข่าวชินหัว รายงานว่า ประตูชัยฝรั่งเศส (Are de Triomphe)  สถานที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมชื่อดัง บริเวณต้นทางของถนน ฌ็องเซลิเซ  กรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส สิ่งปลูกสร้างยุคนโปเลียน ที่มีขนาดกว้าง 22 เมตร ยาว 45 เมตร สูง 50 เมตร กำลังถูกจัดแสดงเป็นผลงานศิลปะสุดยิ่งใหญ่ 

 

     

          โดยถูกห่อหุ้มด้วยผ้าสีฟ้าเงิน ( Silver-Blue) ขนาด 25,000 ตารางเมตร ซึ่งสามารถนำไปรีไซเคิลได้ และผูกรัดด้วยเชือกสีแดงความยาวรวม 3,000 เมตร เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ตามแนวคิดของ คริสโต (Christo) ศิลปินชาวบัลแกเรียที่เสียชีวิตเมื่อปีที่ผ่าน และฌอง-โคลด(Jeanne-Claude ) ภรรยาของเขาผู้ที่มีส่วนร่วมออกแบบ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้องล่าสุด

• "Thailand Pavilion" พร้อมโชว์ตัวในงาน World Expo 2020 Dubai 1 ตุลาคมนี้
• "ศิลป์ พีระศรี" กับบทเรียนชีวิต แบบอย่างมีค่ามากกว่าคำสอน
• ล้ำสมัย "หุ่นยนต์โลก" พาส่องกลุ่ม Robot ที่สร้างด้วยแรงบันดาลใจจากสัตว์
• "เทสลา" ตั้งเป้าสร้างหุ่นยนต์ Humanoid คล้ายมนุษย์เสร็จปีหน้า
• จีนโชว์ศักยภาพสร้าง “เรือนำเที่ยวใต้ทะเลลึก” เองลำแรก

 

 

          โดยก่อนหน้านี้ คริสโตและฌอง-โคลด เคยเรียกเสียงฮือฮาจากการห่อหุ้มสิ่งปลูกสร้างสำคัญอย่างสะพานที่มีความเก่าแก่มากที่สุดของปารีสเมื่อปี 1985

 

 

 

          รวมถึงการห่อ รัฐสภาเยอรมันในกรุงบอร์ลิน  เมืองหลวงของเยอรมันนีเมื่อปี 1995 รวมถึงการสร้างสรรค์นิทรรศการศิลปะอันแสดงร่วมกับสถานที่สำคัญต่างๆ อย่างยิ่งใหญ่และกลมกลืน อาทิผ้าม่านในหุบเขา การแสดงร่มในประเทศญี่ปุ่น  

 

 

          ส่วนผลงานล่าสุดที่กำลังจัดแสดงอยู่นี้ คือการห่อหุ้มประตูชัยฝรั่งเศส ที่ถูกสานต่อโดยหลานชายร่วมกับพิพิธภัณฑ์ปงปีดูและทางการฝรั่งเศส

 

 

 

          โดยการสร้างสรรค์ผลงานห่อหุ้มประตูชัยครั้งนี้ใช้เงินทุนของคริสโต ซึ่งมาจากการจำหน่ายผลงานศิลปะจำนวนมาก ไม่ได้มีการระดมทุนจากภาครัฐหรือเอกชน และการจัดแสดงจะสิ้นสุดวันที่ 3 ตุลาคมนี้

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก สำนักข่าวชินหัว https://www.xinhuathai.com, https://www.tagesspiegel.de