"ดื่มกาแฟ" อย่างไรให้ปลอดภัย และยังช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดี
เคยสงสัยไหมว่าการ "ดื่มกาแฟ" อย่างสม่ำเสมอทุกวัน วันละมากกว่าหนึ่งแก้วจะส่งผลดีต่อสุขภาพบ้างไหม บทความนี้จะมาช่วยคลายความสงสัยกัน
แน่นอนว่าแต่ละเช้าก่อนเริ่มต้นวันเราต่างต้องการตัวกระตุ้นหลังจากที่ตื่นซึ่งบางคนอาจจะเป็นการอาบน้ำด้วยน้ำเย็นๆ แะลยังมีคนจำนวนมากที่จะดื่มกาแฟสักแก้วเพื่อกระตุ้นตัวเองออกจากความง่วง เติมคาเฟอีนให้กับร่างกาย และให้คาเฟอีนนั้นช่วยกระตุ้นให้รา่งกายกระปรี้กระเปร่าพร้อมสำหรับการไปทำงาน แต่ความที่หลายคนนั้นตื่มกาแฟทุกๆ วันอย่างสม่ำเสมอและขาดไม่ได้จึงทำให้มีคำถามตามมาว่า การดื่มกาแฟจะทำลายสุขภาพเราหรือไม่?
คำตอบจาก ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมโรคหัวใจแห่งยุโรปปี 2021 (European Society of Cardiology) พบว่า การดื่มกาแฟตั้งแต่ครึ่งแก้วถึงกาแฟสามแก้วต่อวันนั้นช่วยลดความเสี่ยงที่ของโรคหลอดเลือดสมองและยังลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ
อีกคำตอบหนึ่งได้จาก ผลการศึกษาอื่นที่ตีพิมพ์ในในวารสารวิทยาศาสตร์และการแพทย์ BMC Public Health เปิดเผยว่าการดื่มกาแฟช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคตับเรื้อรังลดลง 21% และมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคนี้น้อยลง 49% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟ
อย่างไรก็ตาม การดื่มกาแฟก็สามารถทำร้ายสุขภาพได้หากดื่มมากไปและรับคาเฟอีนมากเกินไป เพราะการได้รับคาเฟอีนมากไปส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้น กระตุ้นอาการวิตกกังวล นอนไม่หลับ และยังมีการศึกษาในปี 2017 ระบุความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคคาเฟอีนกับภาวะเจริญพันธุ์ หมายถึง ผู้หญิงตั้งครรภ์มีโอกาสแท้งได้จากการได้รับคาเฟอีนมากเกินไป
จิล ไวส์ (Gil Weiss) ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผู้หญิง อธิบายว่า การบริโภคคาเฟอีนที่มากเกินไปอาจส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ของบุตรในครรภ์ผู้หญิงรวมถึงความเป็นไปได้ที่คาเฟอีนจะส่งผลต่อการพัฒนาเซลล์ของเด็กอาจทำให้มดลูกและการไหลเวียนของเลือดทำงานได้ไม่ปกติ เพราะฉะนั้นคุณผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือต้องการตั้งครรภ์ จิล ไวส์ แนะนำให้จำกัดการบริโภคคาเฟอีนไว้ที่ 200 มิลลิกรัม หรือกาแฟประมาณ 2 แก้ว
และสำหรับคุณผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือตั้งใจว่าจะมีลูกแต่ชอบการดื่มกาแฟ คุณจะต้องรู้ไว้ว่าหากคุณดื่มกาแฟหกแก้วขึ้นไปทุกวัน ลูกในครรภ์ของคุณอาจเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ในระยะยาว
กล่าวโดยสรุป
การเพลิดเพลินกับกาแฟยามเช้าสักแก้วหรือสองหรือสามแก้วจะเป็นปริมาณที่คนส่วนใหญ่ทนปริมาณคาเฟอีนได้อย่างปลอดภัย และ เช่นเดียวกับการกินอาหารหรือเครื่องดื่มใดๆ ความพอประมาณและการรู้ลิมิตในการกินเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสุขภาพให้ดีได้
ที่มาข้อมูล: