"อาหารเป็นพิษ" โรคใกล้ตัว...อย่าเผลอมองข้าม
08 พ.ย. 2564
เรื่องของอาหารการกินเป็นเรื่องเป็นเรื่องใกล้ตัว ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารที่สะอาดปราศจากเชื้อโรคจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะหากเราพลาดไปรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค ก็อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิด “โรคอาหารเป็นพิษ” ได้
อย่างเมื่อหลายวันก่อนที่มีข่าวน่าตกใจไม่น้อย เมื่อนักแสดงสาวรุ่นใหญ่ "ฮันนี่" ภัสสร บุณยเกียรติ ภรรยาช่างภาพดัง "บี๋" ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรง และภายหลังตรวจพบว่า “อาหารเป็นพิษ” และวันนี้ คมชัดลึกออนไลน์ จะพาไปรู้จักกับโรคนี้กัน
"อาหารเป็นพิษ" เกิดจากรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าไป ซึ่งอาจพบมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนโดยมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสียถ่ายเหลวตามมา
สังเกตอาการตัวเอง หากมีอาการ 1-2 ข้อ ให้สงสัยว่าเป็นโรคอาหารเป็นพิษชนิดรุนแรง
- อาเจียนรุนแรง หรือถ่ายมากผิดปกติ (มากกว่า 8-10 ครั้งต่อวัน)
- มีไข้
- ซึม ไม่มีแรง อ่อนเพลีย มือเท้าเย็น
- ปัสสาวะสีเข้ม ปัสสาวะน้อย หรือไม่ปัสสาวะเกิน 6 ชั่วโมง
- หากเป็นเด็กเล็ก อาจมีอาการปากแห้ง ตาโหล ร้องให้แบบไม่มีน้ำตา
อาหารเสี่ยงต่อการเกิดอาหารเป็นพิษ
- อาหารสด สุกๆ ดิบๆ หรือผ่านความร้อนไม่เพียงพอ
- อาหารที่มีรสจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หรือเค็มจัด
- อาหารหมักดอง อาหารกระป๋อง ที่พบว่ามีรอยบุบ รอยรั่ว หรือขึ้นสนิม
- อาหารที่ผลิตหรือปรุงไม่สะอาดเพียงพอ เช่น ใช้เขียงหั่นเนื้อสัตว์สดกับผักลวกร่วมกัน
- อาหารที่มีแมลงวันตอม
- อาหารที่ปรุงสุกตั้งแต่เช้า โดยไม่มีการอุ่นร้อน
- อาหารที่มีกะทิเป็นส่วนผสมแล้วปรุงทิ้งไว้นานหลายชั่วโมง
- น้ำแข็งที่ผลิตไม่ได้มาตรฐาน
วิธีดูแลตนเองเมื่อมีอาการอาหารเป็นพิษ
- ปกติสามารถหายได้เองภายใน 24-48 ชั่วโมง โดยให้รักษาตามอาการคือ รับประทานเกลือแร่ทดแทนและยาแก้คลื่นไส้ อาเจียน
- งดรับประทานอาหารประเภทนม ผลไม้ อาหารรสจัด อาหรสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารหมักดอง
- พักผ่อนให้มากขึ้น ดื่มน้ำมาก ๆ งดการทำกิจกรรมหนัก ๆ เช่น ออกกำลังกาย ทำงานบ้านหนัก ๆ
- ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบพบแพทย์
ข้อมูล : อ.ดร.พญ.วรรษมน จันทรเบญจกุล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ภาพ : https://pixabay.com