เช็คอินเมืองเก่า "กำแพงเพชร" แวะเที่ยวที่ไหนดี
ช่วงฤดูหนาวที่ใครๆ ก็มุ่งหน้าขึ้นเหนือ แต่เชื่อว่าหลายคนอาจยังไม่เคยมีแพลนการแวะเที่ยว “จังหวัดกำแพงเพชร” ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนล่างของประเทศอย่างจริงจัง ทั้งๆ ที่ “กำแพงเพชร” เป็นเมืองเก่าที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มายาวนาน
“จังหวัดกำแพงเพชร” เดิมเรียกว่า "เมืองชากังราว" มีโบราณสถานสำคัญคืออุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ซึ่งประกอบด้วยกำแพงเมือง คูเมือง ป้อมปราการ และวัดโบราณ เช่น วัดพระแก้ว วัดช้างรอบ วัดพระสี่อิริยาบถ ที่ยังคงความงดงามไว้ด้วยสถาปัตยกรรมศิลาแลงที่โดดเด่น จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในจังหวัดกำแพงเพชรก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งวันนี้ คมชัดลึกออนไลน์ จะพาไปซอกแซกชมไฮไลท์ในเมืองเก่าแห่งนี้กัน
วัดพระสิงห์ ตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ถัดจากวัดพระสี่อิริยาบถไปทางทิศเหนือ 100 เมตร สันนิษฐานว่าใช้เวลาสร้างถึง 2 สมัย คือ สมัยสุโขทัยและสมัยอยุธยา ผังรวมของวัดแบ่งเขตพุทธาวาสให้อยู่ในกลุ่มกลางล้อมรอบด้วยเขตสังฆาวาสหรือกุฏิสงฆ์ โดยมีพระเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมมีซุ้มทั้ง 4 ด้าน เป็นประธาน ด้านหน้าเป็นพระอุโบสถขนาดใหญ่ ยกฐานประทักษิณสูง บนฐานประทักษิณนี้ประดิษฐานพัทธสีมาไว้ทั้งแปดทิศ มุขด้านหน้าของฐานประทักษิณมีรูปสิงห์ นาคประดับ
ตลาดย้อนยุคนครชุม อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง โดยจำลองบรรยากาศตลาดแบบย้อนยุคภายในตลาดจะมีพ่อค้า แม่ค้าแต่งกายด้วย ชุดไทยนำอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวนครชุมหรือ ร่วมสมัยวางจำหน่ายรวมถึงชุมการสร้างบรรยากาศเสมือนจริง ผู้เข้าร่วมชมกิจกรรมภายในงานสามารถนั่งรับประทานอาหารได้ มีการละเล่นพื้นบ้านศิลปหัตถกรรม อาทิ การจักสานไม้ไผ่ งานผีมือใบตองหรือการวาดรูป ระบายสี มุ่งเน้นการ แต่งกายพื้นบ้าน หรือวัฒนธรรมร่วมสมัยสร้างสำนึกในการมีส่วนร่วมของประชาชน พร้อมทั้งสร้างแหล่งเรียนรู้ปลูกฝังจิตสำนึกให้แก่เยาวชนได้สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมต่อๆ กันไป โดยการนำร่องที่เด็กนักเรียนในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและนักเรียนในสถานศึกษา ของเทศบาลตำบลนครประกวดแข่งขันทำอาหารเพื่อสร้างแรงจูงใจ ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ลองลิ้มชิมรสกับอาหารบรรยากาศสานศิลป์ดนตรีไทย มีการประกวดร้องเพลงไทยลูกทุ่งการวาดภาพระบายสี ตลอดจนการบรรเลงเครื่องสายหรือบรรเลงดนตรีไทยสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมงานสำนึกในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยการนำภาพยนตร์ย้อนยุคมาฉายทำให้เห็นถึงการตั้งใจพัฒนาตลาดของเทศบาลนครชุม สามารถสร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจชุมชนให้ดีขึ้น สามารถก้าวไปสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางวัฒนธรรม รายละเอียดเพิ่มเติม สถานที่จัดตลาดย้อยยุคนครชุม จัดบริเวณสามแยกนครชุม โดยจัดวางแคร่ไม่ไผ่เป็นที่วางจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและสินค้าต่างๆ ต่อเนื่องบนถนน ซึ่งปิดให้เป็นถนนคนเดิน ความยาวประมาณ 200 เมตร เปิดทุกๆ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์แรกของเดือน ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป
อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ มีพื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัด คือจังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดนครสวรรค์ เป็นหนึ่งในผืนป่าตะวันตกที่มีพื้นที่ป่าสมบูรณ์มากที่สุดตั้งแต่จังหวัดตากจนถึงจังหวัดกาญจนบุรี มีพื้นที่ 558,750 ไร่หรือ 894 ตารางกิโลเมตร ทิศเหนือของอุทยานฯ ติดกับอุทยานแห่งชาติคลองลาน ทิศใต้ติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี และทิศตะวันตกติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จังหวัดตาก ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2530 ป่าส่วนใหญ่ประกอบด้วยป่าเบญจพรรณป่าดงดิบและป่าเต็งรัง มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญและมีค่ามากมาย เช่น สัก ประดู่ มะค่าโมง ยางแดง เต็งรัง เป็นตัน นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่าที่หายาก เช่น ช้างป่า กระทิง เสือ กวาง เก้ง หมี แมวลาย และนกต่างๆ มากกว่า 305 ชนิด จาก 53 วงศ์ ซึ่งนกบางชนิดพบเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นในเมืองไทย เช่น นกกระเต็นขาวดำใหญ่ นกเงือกคอแดง นกกางเขนดง นกโพระดกหูเขียว และนกพญาปากกว้างหางยาว ช่วงเวลาเหมาะที่สุดคือฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์
กิจกรรมแนะนำภายในอุทยาน - สุขเล็กๆ ริมลำน้ำที่แก่งผาคอยนางอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 1,800 เมตร เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ในลำน้ำคลองขลุง จากจุดนี้เดินขึ้นไปประมาณ 350 เมตรจะถึงน้ำตกผาคอยนาง เป็นน้ำตกเล็กๆ มี 4 ชั้น โดยสามารถกางเต็นท์พักแรมในบริเวณน้ำตกได้ - ชมทัศนียภาพของป่ารายรอบ ณ จุดชมวิวกิ่วกระทิงกิโลเมตรที่ 81 จากที่ทำการอุทยานฯ ไปตามถนนคลองลาน-อุ้มผางประมาณ 16 กิโลเมตร ก็จะถึงหน้าผาที่คุณสามารถเดินไปชมวิวเหนือยอดไม้ของผืนป่าอันอุดม สามารถพักแรมได้บริเวณนี้ - ไต่ระดับสู่จุดสูงสุดของถนนสายคลองลาน-อุ้มผาง เพื่อสัมผัสไอหมอกและความหนาวเย็นที่มี ให้ชุ่มหัวใจได้ตลอดทั้งปี ช่องเย็นสูง 1,340 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง อยู่ที่กิโลเมตรที่ 93 ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 28 กิโลเมตร โดยอุณหภูมิเฉลี่ย 20 องศาเซลเซียส เมื่อมาถึงแล้วต้องไม่พลาดชมความงามอาทิตย์ลับฟ้าเด็ดขาด นอกจากนี้ บริเวณนี้มีสภาพป่าทั่วไปเป็นป่าดิบเขา มีกล้วยไม้หายาก เช่น สิงโตกลอกตา เฟิร์นมหาสดำ มีนกหายาก เช่น นกเงือกคอแดง นกภูหงอนพม่า นกพญาปากกว้างหางยาว และนกหัวขวานใหญ่หงอนเหลือง มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการแต่จะต้องเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ มาเอง
ยอดเขาโมโกจู เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์และสูงที่สุดในผืนป่าตะวันตก ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 27 กิโลเมตร เป็นยอดเขาที่นักท่องเที่ยวนิยมการท่องเที่ยวแบบเดินป่า ปีนเขา ต้องการที่จะ ไปเยือนสักครั้ง ด้วยความสูง 1,964 เมตร คำว่า “โมโกจู” เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า เหมือนฝนจะตก เนื่องจาก บนยอดเขามักถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกและมีอากาศหนาวเย็นตลอดเวลา ผู้สนใจจะไปสัมผัสยอดเขาโมโกจู ต้องเตรียมร่างกายให้แข็งแรงเพราะทางเดินขึ้นเขามีความลาดชันไม่ต่ำกว่า 60 องศา ใช้เวลาในการเดินทางไป-กลับ 4 วัน 3 คืน และต้องพักแรมในป่าตามจุดที่กำหนด นอกจากนั้นควรศึกษาสภาพเส้นทาง สภาพอากาศ และติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางจากอุทยานฯ ซึ่งเปิดให้เดินขึ้นยอดเขาโมโกจูในเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ของทุกปี
อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ทางเข้าตั้งอยู่นอกเมืองกำแพงเพชรไปประมาณ 5 กิโลเมตร ตามถนนสายกำแพงเพชร-พรานกระต่าย แล้วเลี้ยวซ้ายตรงกิโลเมตรที่ 360 สถานที่แห่งประวิติศาสตร์ที่ได้ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในมรดกโลกจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาติ (UNESCO) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2534 อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้แบ่งออกเป็นโบราณสถานฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง ซึ่งมีความแตกต่างกันในการใช้วัสดุก่อสร้าง โบราณสถานด้านตะวันออกของแม่น้ำปิงเป็นที่ตั้งเมืองกำแพงเพชร โบราณสถานสร้างด้วยศิลาแลงและมีขนาดใหญ่ ส่วนโบราณสถานฝั่งตะวันตกคือเมืองนครชุมก่อสร้างด้วยอิฐและมีขนาดเล็ก แต่รูปแบบศิลปะที่ปรากฏนั้นมีลักษณะร่วมสมัยระหว่างสุโขทัยและอยุธยา นอกจากนี้ยังมีโบราณสถานนอกเมืองกำแพงเพชรหรือเขตอรัญญิก ซึ่งเป็นที่อยู่ของสงฆ์เพื่อปฏิบัติวิปัสสนาอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือระยะทาง 2 กิโลเมตรผู้สนใจเข้าชมได้ทุกวันเวลา 08.00-17.00 น.
วัดพระบรมธาตุเจดียาราม ตั้งอยู่กลางเมืองนครชุมสันนิษฐานว่า สร้างตั้งแต่สมัยสุโขทัย ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูป สัมฤทธิ์สมัยสุโขทัยและอยุธยามากมาย ตามหลักฐานในศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ 3 (จารึกนครชุม) กล่าวถึง พระมหาธรรมราชาลิไท ได้เสด็จมาประดิษฐานพระศรีรัตนมหาธาตุ และปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่เมืองนครชุม เมื่อ พ.ศ.1900 โดยพระบรมธาตุที่กล่าวไว้ในจารึกเชื่อกันว่า คือ วัดพระบรมธาตุ แห่งนี้ และปรากฏ เจดีย์วัดพระบรมธาตุ ซึ่งเมื่อตีความจากจารึกนครชุมแล้วพบว่าเดิมมีเจดีย์สามองค์ ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน สันนิษฐานว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พ่อขุนรามคำแหงและพญาลิไทสร้างเป็นพุทธเจดีย์ประจำพระองค์ เป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ศิลปะสุโขทัย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงอนุญาตให้พ่อค้าไม้ชาวพม่า ชื่อ พระยาตะก่า ซ่อมแซมปฏิสังขรณ์ สร้างพระเจดีย์ใหม่ใหญ่กว่าเดิม ปัจจุบันเป็นพระเจดีย์แบบพม่า ดังปรากฏอยู่
ข้อมูล-ภาพ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)