แนะอาหารต้าน "โรคภูมิแพ้" สู้อากาศหนาว
ผู้ที่แพ้อากาศควรระวังเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ และควรเลือกอาหารที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย และเน้นอาหารที่มีวิตามินซีและวิตามินบีสูงเพื่อป้องกันและบรรเทาอาการภูมิแพ้
นานๆ ทีบ้านเราจะได้สัมผัสกับ “อากาศหนาว” จนช่วงนี้หลายคนเกิด “อาการภูมิแพ้” กำเริบ คันฟุดฟิดในจมูก จามติดต่อกันหลายครั้ง หลายรายมีน้ำมูกใส ๆ ไหลโกรกตลอดวัน บ้างคัดจมูกสลับข้าง อ่อนเพลีย ปวดมึนศีรษะตลอดวัน ผู้ที่แพ้อากาศเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่พบว่า มีปัญหาเรื่องการปรับตัวของเยื่อบุจมูก จมูกจะไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศรวมถึงกลิ่นฉุนและสิ่งระคายเคืองต่างๆ จนเป็นที่มาของสารพัดอาการคล้ายเป็นหวัดตลอด
ดังนั้นสำหรับผู้ที่แพ้อากาศจึงควรระวังเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ และควรเลือกอาหารที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย อาทิ ซุปร้อน หรือเครื่องดื่มร้อน อย่างข้าวต้มปลา ซุปผัก ซุปสาหร่าย น้ำขิง น้ำเต้าหู้ ฯลฯ และเน้นอาหารที่มีวิตามินซีและวิตามินบีสูงเพื่อป้องกันและบรรเทาอาการภูมิแพ้
จากงานวิจัยพบว่า วิตามินซีปริมาณสูงในผักและผลไม้สามารถช่วยยับยั้งการหลั่งของฮีสตามีน ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ นอกจากนี้ยังเข้าทำลายโครงสร้างของฮีสตามีน ส่งผลให้ปริมาณฮีสตามีนในเลือดลดลง อาการภูมิแพ้จึงลดตามไปด้วย ซึ่งผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม กีวี มะละกอ เชอร์รี่ มะเขือเทศ ตำลึง ดอกแค ผักกระเฉด ผักโขม เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบว่า กลุ่มเด็กอายุระหว่าง 6 – 7 ปี ที่กินผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงเป็นประจำ เฉลี่ย 5-7 ครั้งต่อสัปดาห์ มีอาการของโรคในระบบทางเดินหายใจน้อยกว่ากลุ่มเด็กที่กินผลไม้น้อยกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์
ในส่วนของอาหารที่มีวิตามินบีสูง เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง รำข้าว ฯลฯ หากกินเป็นประจำร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง ก้จะช่วยป้องกันและลดความรุนแรงของอาการภูมิแพ้ได้ โดยควรกินข้าวซ้อมมือ รำข้าว และธัญพืชไม่ขัดสีอื่นๆ ให้หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินบีหลายชนิดอย่างครบถ้วน พร้อมเพิ่มผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงในมื้ออาหารเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันร่วมด้วย รวมทั้งควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่ทำให้หลายคนอาการกำเริบ เช่น ฝุ่น ละอองเกสร หญ้า ควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ น้ำหอม หันมาจัดห้องนอนใหม่ พยายามทำให้ห้องนอนมีของน้อยชิ้นที่สุด จัดเก็บของเข้าตู้ ไม่ควรมีชั้นหนังสือ ตุ๊กตาขนฟู หรือสัตว์เลี้ยงในห้องนอน ควรถอดซักผ้าม่าน และผ้าปูที่นอนบ่อย ๆ ทำให้เป็นกิจวัตร เช่น ซักผ้าม่านทุก 6 สัปดาห์ เปลี่ยนผ้าปูที่นอนปอกหมอนสัปดาห์ละครั้ง
ข้อมูล : นิตยสาร ชีวจิต
https://goodlifeupdate.com/