"ไฮเปอร์ลูป" (Hyperloop) การเดินทางไวกว่ารถไฟ แต่ถูกกว่าเครื่องบิน | คมชัดลึก

การเดินทางที่ใช้กันอยู่วันนี้หลัก ๆ ก็มีอยู่ 4 แบบคือ 

• รถไฟเคลื่อนที่ไปบนราง 
• รถวิ่งบนถนน 
• เรือแล่นไปในน้ำ และ
• เครื่องบินบินไปในอากาศ 

แต่ปัญหาก็คือรถ รถไฟกับเรือวิ่งช้าไปหน่อยสำหรับหลายคน ยิ่งคนที่อยู่ในประเทศที่ยังไม่มีรถไฟความเร็วสูง ส่วนเครื่องบินแม้จะค่อนข้างเร็ว แต่ราคาก็แพงกว่ามากเช่นกัน และไม่มีใครคิดออกเลยหรือว่า จะทำนอย่างไรให้เดินทางได้ไวและไม่แพงด้วยไปพร้อมกัน

 

คำตอบคือ อีลอน มัสก์ (Elon Musk)

 

อีลอน มัสก์ (Elon Musk) คือ คนผลักดันการเดินทางแบบใหม่ที่น่าจะทั้งไวมาก ๆ ปลอดภัย และ ที่สำคัญคือ ราคาถูกกว่าระบบที่ใช้กันอยู่ตอนนี้อีกด้วย อีลอน มัสก์ คือ คนดังที่สร้างสเปซเอกซ์ (SpaceX) บริษัทที่ตั้งเป้าจะทำให้การไปอวกาศมีราคาถูกลง และมีแผนจะให้มนุษย์ไปตั้งรกรากที่ดาวอังคารให้ได้ เท่านั้นยังไม่พอ เขายังร่วมก่อตั้งเทสลาอิงก์ (Tesla, Inc.) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสุดเริ่ดนำสมัย 

อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ยังได้ก่อตั้งบริษัทไฮเทคอีกหลายบริษัท ซึ่งแน่นอนว่ารวมทั้งโครงการ ไฮเปอร์ลูปวัน (Hyperloop One) ที่ตั้งเป้าจะขนส่งคนเดินทางไปเป็นระยะไกลได้แบบเดียวกับเครื่องบิน แต่ในราคาที่ถูกกว่ามาก

ไฮเพอร์ลูปทำงานยังไง

ถ้าใครเคยดูหนังสายลับเก่า ๆ อาจจะเคยเห็นระบบส่งจดหมายหรือพัสุดภายในตึก ที่ใส่พัสดุลงในกล่องพิเศษแล้วใส่เข้าไปในท่อ ก่อนกดปุ่มส่งไปปลายทางได้อย่างรวดเร็ว ระบบดังกล่าวทำงานโดยอาศัย ใบพัดทรงพลังเป็นตัวสร้างแรงดันอากาศที่ผลักกระบอกพัสดุให้เคลื่อนที่ไปตามท่อที่แทบปราศจากอากาศด้วยความเร็วสูง

 

ไฮเปอร์ลูปก็คล้าย ๆ กัน มันเป็นระบบที่เอาคนไปใส่ใน "ขบวนรถ" ที่เทียบกับเท่ากับ "กล่องพัสุด" แล้วหาทางส่งไปด้วยความเร็วสูง อีลอน มัสก์กับทีมงานคำนวณว่าระบบดังกล่าวน่าจะทำความเร็วได้สูงถึง 1,126 กิโลเมตร/ ชั่วโมง แปลว่า สามารถเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ไปยังจังหวัดเชียงใหม่ (คิดที่ระยะเฉลี่ยราว 650 กิโลเมตร) ด้วยเวลาเพียงไม่เกิน 35 นาทีเท่านั้น

ปัญหาที่ทำให้ยานพาหนะเคลื่อนที่เร็วมากไม่ได้

ปัญหาใหญ่ที่ทำให้พาหนะเคลื่อนที่เร็วมากไม่ได้ คือ แรงเสียดทานจากอากาศและพื้น ยิ่งเคลื่อนที่เร็วมากเท่าใด แรงต้านทานก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น วิธีแก้ของระบบแบบนี้ก็คือ

1. ขบวนรถจะแล่นไปในท่อหรืออุโมงค์ปิดสนิทที่สูบอากาศออกจนเหลือน้อยมาก เท่านั้นยังไม่พอ
2.  ตัวรถยังต้อง “ลอย” เหนือรางด้วยระบบแม่เหล็กแบบเดียวกับที่รถไฟความเร็วสูงหรือรถแม่เหล็กไฟฟ้าแม็กเลฟ (Maglev) ใช้กัน ทำให้ลดแรงเสียดทานจากสัมผัสของรถกับรางไปได้ และสุดท้าย
3. แทนที่จะใช้แรงอัดอากาศเป็นตัวผลัก ในระบบของไฮเปอร์ลูป (Hyperloop) จะใช้คอมเพรสเซอร์ในกำรสร้างแรงดึงทางด้านหัวขบวนแทน เมื่อประกอบกันเข้า 3 อย่าง จึงทำให้เร่งความเร็วสูงสุดได้กว่า 1,100 กิโลเมตร/ ชั่วโมงเลย

 

ความเจ๋งอื่น ๆ ของไฮเปอร์ลูป (Hyperloop)

ความเจ๋งอีกอย่างหนึ่งของระบบไฮเปอร์ลูป (Hyperloop) คือ พลังงานที่ได้จากตอนช่วงเบรคเพื่อเข้าสถานีปลายทางยังนำกลับมาชาร์จใหม่ได้อีกด้วย สำหรับมอร์เตอร์ไฟฟ้าที่ใช้เร่งความเร็วก็ติดตั้งแค่เป็นจุด ๆ ไม่ต้องติดตลอดเส้นทาง คือติดทุกๆ 110 กิโลเมตรก็พอ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก

• เมื่อคำนวณราคาของขบวนรถ และระบบมอเตอร์ที่ใช้ก็ตกอยู่ที่หลายร้อยล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ใช้ทำตัวท่อซึ่งน่าจะอยู่ที่หลายพันล้านดอลลาร์
• นอกจากนี้ "ไฮเปอร์ลูป" (Hyperloop) ยังสร้างบนเสาหรือตอม่อได้ทำให้ไม่ต้องเวนคืนที่ดินให้ยุ่งยาก ที่สำคัญที่สุดคือ ทางผู้สร้างมั่นใจมากว่าตัวระบบไม่หวั่นไหวไปกับแผ่นดินไหวระดับเบาะๆ ที่เคยพบเจอในเส้นทางที่เลือกไว้

 

จึงมีความเป็นไปได้ว่า เริ่มใช้ "ไฮเปอร์ลูป" (Hyperloop) เมื่อไหร่ รถไฟความเร็วสูงโดนทิ้งไม่เห็นฝุ่นกันเลยทีเดียว นี่มันความเร็วระดับเครื่องบินโดยสารชัด ๆ อันที่จริงแล้ว เกือบเท่า ๆ กับความเร็วเสียงในอากาศเลย (1,235 กิโลเมตร/ ชั่วโมง) 

 

ที่มาข้อมูล : สวทช.