เลี่ยงเนื้อหมูแพง "กินปลา" ประหยัดแถมมากประโยชน์
ในช่วงที่เนื้อหมูราคาพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การหันมารับประทาน "ปลา" แทนน่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีทีเดียว เพราะ "ปลา" หลายๆ ชนิดราคาต่ำกว่าเนื้อหมู "ปลา" สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลาย ทั้งยังมีประโยชน์มากมาย
"ปลา" นอกจากจะเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี มีแคลอรีต่ำ เป็นแหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และโอเมก้า-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นแล้ว จะเห็นได้ว่า ปลานั้นมีคุณค่าทางโภชนาการอย่างดียิ่ง พอจะสรุปได้ดังนี้คือ
1. ปลาเป็นแหล่งโปรตีน ที่สำคัญรองลงมาจากเนื้อสัตว์และไข่
2. ปลามีปริมาณไขมันต่ำ (ยกเว้นในปลาที่มีไขมันสูงบางชนิดเท่านั้น) และไขมันในปลาส่วนมาก เป็นไขมันที่ไม่อิ่มตัว ซึ่งสามารถลดโคเลสเตอรอลในเลือดได้ และปริมาณโคเลสเตอรอลในเนื้อปลามีปริมาณต่ำ จึงนิยมนำไปใช้ในการรักษา และป้องกันโรคไขมันอุดตันในหลอดเลือด
3. ปลาทะเลทุกชนิดมีแร่ธาตุไอโอดีน ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต
4. ปลาเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของวิตามิน เอ ดี และ บี
5. ปลาให้พลังงานน้อยกว่าเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะพวกเนื้อสันใน เนื้อไม่ติดมัน ยกเว้นปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาเฮอริ่ง ปลาสวาย
6. ปลามีแร่ธาตุแคลเซียมต่ำ ยกเว้นในกรณีที่เราสามารถกินได้ทั้งตัว (กระดูกและเนื้อ)
7. ปลามีปริมาณพิวรีนสูงเหมือนในเนื้อต่างๆ ที่มีสีแดง ดังนั้น คนที่เป็นโรคเกาต์ควรหลีกเลี่ยงเช่นเดียวกัน
8. ปลาน้ำจืดเป็นแหล่งสะสมพยาธิ ดังนั้น ถ้าจะกินควรกินสุก ไม่ใช่สุกดิบๆ หรือกินปลาดิบๆ ทั้งนี้เพราะปลามีตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับ เมื่อเรากนปลาที่สุกๆ ดิบๆ เราก็จะได้ตัวอ่อนของพยาธิตัวนี้ ซึ่งก่อให้เกิดโรคมะเร็งที่ตับได้
หลายคนยังไม่เห็นความสำคัญของปลา แต่เมื่อใดก็ตามที่อาหารประเภทเนื้อมีราคาสูงขึ้นมากๆ ปลาจะถูกนำมาใช้เป็นแหล่งอาหารโปรตีนทันที เช่นเดียวกับตอนนี้ที่เนื้อหมูมีราคาแพง....หันมาให้ความสำคัญกับ "ปลา" ด้วยการเลือรับประทานอาหารที่ปรุงจาก "เนื้อปลา" กันดีกว่า
ข้อมูล : https://www.doctor.or.th/
ภาพ : https://pixabay.com/