เผยโฉม "ไลก้า เอ็ม 11" เอาใจสาวกกล้องคลาสสิกระดับตำนาน
เผยโฉม "ไลก้า เอ็ม 11" M โมเดลรุ่นแรกที่ใช้เซ็นเซอร์ฟูลเฟรม Triple Resolution พร้อมเปิดมุมมองประทับใจผ่านโจทย์ "Legacy of Leica" จากช่างภาพมืออาชีพ
ได้เวลาเหล่าสาวกกล้องถ่ายรูปคลาสสิกระดับตำนาน “ไลก้า” (Leica) เติมเต็มประสบการณ์ถ่ายภาพ
ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ล่าสุดของไลก้า ในตระกูล Leica M เมื่อ Leica Camera Thailand (ไลก้า คาเมร่า ไทยแลนด์) โดย ดนัย สรไกรกิติกูล เปิดตัวกล้องไลก้ารุ่นใหม่ "ไลก้า เอ็ม 11" (Leica M11) กับการพัฒนาฟังก์ชั่นใหม่หมดจากรุ่นยอดนิยม Leica M10 ที่เปิดตัวอย่างฮือฮาไปเมื่อราว 5 ปีก่อน ส่งต่อมาถึง M11 ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมการถ่ายภาพสุดล้ำ ผสมผสานประสบการณ์ของการถ่ายภาพดั้งเดิมแบบเรนจ์ไฟน์เดอร์เข้ากับเทคโนโลยีกล้องร่วมสมัย เพื่อให้ผู้รักการถ่ายภาพได้สัมผัสกับที่สุดของความยืดหยุ่นในการถ่ายภาพจากเซ็นเซอร์แบบเฉพาะที่มี Triple Resolution พร้อมช่วง ISO ที่กว้างขึ้น หน่วยความจำคู่ อีกทั้งแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานกว่า และระบบเมนูที่ปรับเปลี่ยนใหม่ให้เข้าใจง่าย และเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น
ดนัย สรไกรกิติกูล ผู้บริหาร ไลก้า คาเมร่า ไทยแลนด์ เผยว่า ไลก้า เอ็ม 11 ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการถ่ายภาพดิจิทัล และยังเป็นกล้อง M-System ที่ยืดหยุ่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Leica อีกด้วย
โดยจุดเด่นที่เป็นหัวใจของกล้องรุ่นนี้ คือเซ็นเซอร์ BSI CMOS แบบฟูลเฟรมที่มาพร้อมเทคโนโลยี Triple Resolution ทำให้สามารถบันทึกไฟล์ภาพในรูปแบบ DNG และ JPEG ได้ที่ความละเอียด 60, 36 หรือ 18 ล้านพิกเซล โดยใช้เซ็นเซอร์เต็มพื้นที่ตลอดเวลา ตัวเลือกความละเอียดที่ 60 ล้านพิกเซลให้คุณภาพของภาพในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ขณะที่ฟิลเตอร์ตัดแสง IR + UV แบบพิเศษประกอบด้วยกระจกบางเฉียบสองแผ่นที่นำมาประกบเข้าด้วยกัน จึงสามารถปรับแก้สภาพแสงได้อย่างดีเยี่ยม แม้แต่กับแสงที่ตกกระทบจากมุมเฉียง นอกจากนี้ยังมีชุดฟิลเตอร์สีแบบใหม่ที่ช่วยให้กล้องสามารถถ่ายทอดสีสันได้สมจริงและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้นด้วย
ที่สำคัญ Leica M11 ยังคงหน้าตาอันเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของกล้อง Leica M ไว้เช่นเดิม
แต่สิ่งหนึ่งที่ต่างออกไปคือการตั้งใจถอด Base plate กล้องที่เคยมีมาแต่เดิมออก เพื่อให้ช่างภาพสามารถเข้าถึงแบตเตอรี่และช่องใส่การ์ด SD ได้ง่าย และนอกเหนือจากช่องใส่การ์ด SD แล้ว Leica M11 ยังมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในความจุสูงถึง 64 กิกะไบต์ ทำให้ M11 เป็นกล้องโมเดล M รุ่นแรกที่บันทึกภาพลงบนสื่อจัดเก็บข้อมูลที่ต่างกันสองชนิดได้ ส่วนแบตเตอรี่ 1800mAh นั้นเก็บพลังงานได้มากขึ้น 64% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งเมื่อรวมกับการทำงานที่ประหยัดพลังงานยิ่งขึ้นของกล้องรุ่นนี้แล้ว ช่างภาพจึงสามารถใช้กล้องต่อเนื่องได้นานขึ้นมากต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่ของกล้องผ่านพอร์ต USB-C อเนกประสงค์ที่เพิ่มมาใหม่ได้โดยใช้ที่ชาร์จ USB-C ทั่วไป
งานนี้ยังได้รับเกียรติจาก 3 ช่างภาพชื่อดังในฐานะ “ไลก้า ไทยแลนด์ แอมบาสเดอร์” ร่วมรังสรรค์ภาพถ่ายสวย ผ่าน Leica M11 ในธีม “Legacy of Leica” สุดประทับใจ เริ่มจาก “แอ๊ด” พีรพัฒน์ วิมลรังครัตน์ หรือในวงการช่างภาพต่างรู้จักกันในชื่อ “ADD CANDID” เลือกสะท้อนมุมมองภาพถ่ายผ่านสถาปัตยกรรมไทยที่เต็มไปด้วยสีสันสะดุดตา โดยกล่าวว่า เสน่ห์ของ Leica M11 นอกจากรูปลักษณ์ที่ยังคงความเป็นไลก้า มีขนาดเหมาะมือ แล้วยังอยู่ที่ปุ่มกดที่เป็นฟังก์ชั่นพิเศษช่วยให้การซูมดูภาพได้ง่ายและชัดเจนขึ้น และสามารถปรับแต่งภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงได้โดยสะดวก ซึ่งกล้องบางตัวมีข้อจำกัดในเรื่องนี้
“โจทย์ถ่ายภาพที่ได้รับมาในเรื่องของความเป็น Legacy หรือตำนานนั้น ผมนำมาตีโจทย์ต่อว่า ศิลปะมีความยืนยาว ต่อเนื่อง และสืบทอด อย่างกรุงเทพฯ อะไรคือแรงบันดาลใจตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน ซึ่งสีและความอ่อนช้อยถือเป็นเอกลักษณ์ของงานศิลปะไทย ผมเลือกใช้เลนส์อาร์มาใส่ในบอร์ดี้เอ็ม เก็บภาพบรรยากาศความเป็นรัตนโกสินทร์ในแบบที่ตัวเองชอบ อย่างวัดพระแก้วผมชอบศิลปะการประดับกระจก
ซึ่งภาพที่สะท้อนผ่านกระจกสวยงามแปลกตาดี สื่อสารความเป็นอดีตในมุมมองปัจจุบันได้โดยไม่บอกตรงๆ หรืออย่างภาพวัดอรุณถ่ายผ่านซี่กรงรั้วก็เป็นมุมมองส่วนตัว ผมว่าการถ่ายภาพวัดสามารถเป็นได้ทั้ง
ความคลาสสิกและภาพในมุมมองส่วนตัวในแบบร่วมสมัย” เจ้าของฉายา ADD CANDID เผย
ด้านช่างภาพหนุ่มผู้หลงใหลธรรมชาติ “ชัช” ชัชวาล จันทโชติบุตร เลือกสะท้อนเลนส์คมของ Leica M 11 ผ่านภาพขาวดำที่เต็มไปด้วยมิติของเงาสะท้อนบนผืนน้ำ ด้วยตั้งใจสื่อถึงจุดเริ่มต้นของไลก้าในมุมมองขาวดำขณะที่ฟิล์มสียังไม่ถูกค้นพบมาใช้งาน โดยเขาเล่าว่า ในความเป็นไลก้านั้นสามารถตีความได้หลายมิติมาก ทั้งในเรื่องของตัวกล้อง ตำนานของคนที่นำไปใช้ รวมถึงเรื่องราวที่ได้รับการตีพิมพ์แล้วเผยแพร่ต่อสาธารณชน จึงคิดว่าทำอย่างไรที่จะถ่ายทอดความเป็นไลก้าผ่านโจทย์ที่รับมาได้ดีที่สุด
“ผมชอบอยู่กับธรรมชาติ เลยนำสิ่งนี้มาตีความ ตอนอยู่ที่เขาหลัก จังหวัดพังงา ได้ไปเจอซีนหนึ่งเป็นกิ่งก้านไม้แห้งตายและพืชน้ำในทะเลสาบ ทำให้นึกถึงภาพหนึ่งของ René Burri ช่างภาพชาวสวิตเซอร์แลนด์ ชื่อ Former Summer Palace. Dead Lotus Flowers on Kunming Lake. Bejing, ที่ประเทศจีน ถ่ายไว้ตั้งแต่ปี 1964 ช่างภาพคนนี้ถ่ายภาพด้วยกล้องไลก้ามาตลอด จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ผมถ่ายภาพชุดนี้ซึ่งตอบโจทย์ในสองมิติ อย่างแรกพูดถึงตัวกล้องซึ่งเงาสะท้อนอันหนึ่งสื่อถึงไลก้าในอดีต ส่วนเงาสะท้อนอีกอันสื่อถึงไลก้า เอ็ม บางจุดที่น้ำกระเพื่อมก็เกิดความบิดเบี้ยว ผมพยายามสื่อออกมาในแง่มิติที่เป็นตำนานของไลก้ามากกว่าเรื่องกลไกเทคนิคการถ่ายภาพ” ช่างภาพหนุ่ม กล่าว
ปิดท้ายที่เซียนภาพถ่ายขาวดำ ตุลย์ หิรัญญลาวัลย์ นายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยถึงสัมผัสแรกกับ Leica M11 ว่า เสน่ห์ของ Leica M นั้นอยู่ที่การเป็นเรนจ์ไฟน์เดอร์ซึ่งแยกกับตัวรับภาพ ระยะห่างจากท้ายเลนส์ถึงเซ็นเซอร์สั้นมาก จึงช่วยลดการเดินทางของแสงไปยังเซ็นเซอร์ได้การสั่นสะเทือนหรือการเคลื่อนของแสงก็น้อยเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ จึงให้ภาพที่ได้ความคมชัดมากกว่า ซึ่งต่อให้สปีดชัตเตอร์ต่ำก็ยังคงความคมชัดอยู่ หรือต่อให้เบลอก็เป็นความเบลอที่เป็นเสน่ห์ของไลก้า และเสน่ห์นี้ก็ยังคงมีอยู่ในตัว Leica M11 อย่างครบถ้วน
“โจทย์ที่ผมได้มาคือ Legacy เลยนึกถึง Leica M3 รุ่นออริจินัลที่สร้างมาเพื่อใช้กับเลนส์ 50 มม.
ผมเลยมองย้อนกลับไปสู่สปีดชัตเตอร์ต่ำ ภาพที่ออกมาจึงมีทั้งจุดและการเคลื่อนไหว อย่างภาพที่นำมาโชว์นี้ถ่ายที่เกาะยาวน้อย ภูเก็ต เป็นชุมชนชาวประมง ขณะเด็กๆ กำลังเล่นน้ำ ยิ่งขยายเข้าไปดูหรือปริ้นท์ออกมายิ่งเห็นรายละเอียด แต่ละภาพมีทั้งรูปที่เบลอ ไม่โฟกัส มีความบิด กระทั่งสปีดชัตเตอร์ต่ำที่เผยให้เห็นเม็ดน้ำที่กระเด็นกระจายรอบตัวเด็ก ไลก้าเป็นเลนส์ไวแสงที่แอคทีฟกับไฮไลท์ของภาพเสมอ ถึงพูดกันว่าเลนส์ไลก้าเวลาถ่ายคนจะดูมีชีวิตมากกว่าเลนส์อื่นๆ แม้กระทั่งประกายตาซึ่งเล็กมากๆ ก็เก็บได้ ผมจึงเลือกถ่ายคนหรือสิ่งมีชีวิตและอยากโชว์ศักยภาพกล้องหลายๆ อย่าง ก็เลยดัน ISO ขึ้นไปสูงมาก ทำให้ภาพแทบไม่เห็น Noise ของภาพเลยซึ่งเซอร์ไพรส์มากๆ เพราะปกติกล้องที่พิกเซลสูงๆ ก็จะมาพร้อมกับ Noise ที่สูงเช่นกัน ปกติกล้องหลักของผมคือไลก้า MP 240, M10 R แล้วก็ SL รุ่นต่างๆ เหล่านี้เมื่อเทียบกับ M11 ความละเอียดคนละจักรวาลเลย จึงรู้สึกประทับใจมาก ถ้าอยากเลือกกล้องสักตัวที่จะใช้บันทึกความทรงจำ หรือสิ่งที่อยากให้อยู่ในความทรงจำกับเรา นี่คือกล้องที่ดีที่สุด และนั่นคือนิยามของ Legacy of Leica” ช่างภาพระดับแถวหน้าของเมืองไทย กล่าวทิ้งท้าย
สัมผัสนวัตกรรมถ่ายภาพสุดล้ำ กับ Leica M11 ได้แล้ววันนี้ ที่ Leica Store สาขาเกษรวิลเลจ และ สาขา ดิ เอ็มควอเทียร์