อ่าน "โรคไซโคพาธ" อึ้งเรื่องพฤติกรรมคน รู้จักก่อนเปลี่ยนเป็นคดีได้ภายหลัง
"ไซโคพาธ" โรคบุคลิกภาพผิดปกติ ขาดความสำนึกผิดความรู้สึกด้านชาไม่เกรงกลัว ขาดความยับยั้งชั่งใจ เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง
จากข่าวการเสียชีวิตแบบไม่ชอบมาพากลของดาราสาว “แตงโม นิดา” ทำให้ชาวเน็ตลุกฮือกันตามสืบเรื่องนี้ และคอยจับผิดจับโป๊ะเพื่อนทั้ง 5 คนที่อยู่บนเรือในวันนั้น โดยเฉพาะเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ไม่ว่าจะตอบคำถามอะไรก็กลายเป็นประเด็นที่ทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยทั้งสิ้น จนเกิดเป็นประเด็นคำถามขึ้นในใจหลายคนว่าทำไมใจร้าย? ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ? หรือไม่..แม้แต่จะรู้สึกผิดในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป
ซึ่งอาการดังที่กล่าวมานั้น ในทางการแพทย์มองว่าอาจเป็นเพราะเขามีปัญหาทางสุขภาพจิตอยู่ก็เป็นได้ โดยจัดเป็นหนึ่งในกลุ่มของโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า “ไซโคพาธ” (Psychopaths) และวันนี้ คมชัดลึกออนไลน์ จะพาไปทำความรู้จักกับโรคนี้กันค่ะ
"ไซโคพาธ" คืออะไร
ไซโคพาธ (Psychopaths) จัดเป็นหนึ่งในกลุ่มของโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม (Antisocial Personality Disorder) ผู้ป่วยจะมีลักษณะขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ขาดความสำนึกผิด ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ดูคล้าย ๆ คนที่มีนิสัยแข็งกระด้าง ไร้ความเมตตาปรานี
"ไซโคพาธ" เกิดจากอะไร
ในทางการแพทย์จะแยกสาเหตุของโรคไซโคพาธออกเป็น 2 ด้าน คือ
1. ด้านทางกาย
จากความผิดปกติของสมองส่วนหน้า และสมองส่วนอะมิกดาลา รวมไปถึงความผิดปกติของสารเคมีในสมอง อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุทางสมองหรือได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
2. ด้านจิตใจและสังคม
การถูกทารุณกรรมในวัยเด็ก ต้องเผชิญกับอาชญากรรมในครอบครัว ความแตกแยกในครอบครัว หรือการอยู่ในสภาพสังคมที่โหดร้ายมาตั้งแต่วัยเยาว์ หรือแม้แต่การเลี้ยงดูแบบละเลยเพิกเฉยก็นับเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคไซโคพาธได้เช่นกัน
"ไซโคพาธ" อาการเป็นอย่างไร
สังคมสมัยนี้เราอาจจะพบเจอกับคนเห็นแก่ตัว คนที่สนใจแต่ความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง และทำตัวใจร้ายกับคนอื่นอยู่บ่อยๆ แต่ขนาดไหนจะถึงขั้นเป็นไซโคพาธ ลองพิจารณาจากอาการเหล่านี้ดู
- มีจิตใจที่แข็งกระด้าง โดยมักจะแสดงออกทางการกระทำให้เห็นอยู่บ่อย ๆ
- มีพฤติกรรมตอบสนองความต้องการของตัวเองโดยไม่สนใจวาจะส่งผลกระทบต่อผู้อื่นยังไงบ้าง
- มีพฤติกรรมไม่รับผิดชอบต่อสังคม
- มีพฤติกรรมโกหกและบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
- มีอารมณ์และความคิดที่ผิดปกติ โดยเฉพาะเมื่อต้องเข้าสังคม
- ขาดมาตรฐานในการแยกสิ่งถูก สิ่งผิด กล่าวคือจะตัดสินถูกหรือผิดโดยอิงจากผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้
- มีความรู้สึกด้านชา ไม่เกรงกลัว ต่อให้ตัวเองทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายและกำลังจะได้รับโทษก็ตาม
- อาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง หรือมีสิทธิ์ก่ออาชญากรรมได้
"ไซโคพาธ" รักษาได้ไหม
การรักษาโรคไซโคพาธก็พอมีอยู่บ้าง ทั้งการรักษาด้วยยา โดยเฉพาะในคนที่มีโรคจิตเวชเกิดร่วมกับโรคไซโคพาธ หรือการรักษาด้วยการปรับพฤติกรรมโดยใช้หลักเกณฑ์ทางจิตวิทยา แต่โดยส่วนมากแล้วผู้ป่วยไซโคพาธมักจะไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา เพราะไม่รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นจะใช่อาการป่วย หรือเป็นสิ่งที่ผิด ที่ควรต้องรีบรักษาให้หาย
นอกจากนี้การพยากรณ์ของโรคยังทำได้ยาก เนื่องจากผู้ป่วยจะใช้ชีวิตตามปกติทั่วไป โดยอาจจะถูกมองว่าเป็นแค่คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งหากไม่ได้มีพฤติกรรมทำร้ายใครซ้ำ ๆ หรือก่ออาชญากรรมต่อเนื่อง ก็อาจแยกโรคนี้ได้ยาก ซึ่งก็จะทำให้ผู้ป่วยพลาดการรักษาที่ถูกต้องไปด้วย
ที่สำคัญการลงโทษผู้ป่วยไซโคพาธก็อาจไม่ได้ส่งผลใดๆ กับผู้ป่วยเลย เนื่องจากผู้ป่วยมีความด้านชาในด้านความรู้สึกผิดชอบชั่วดี และไม่มีความเกรงกลัวต่อบทลงโทษใดๆ
การป้องกันโรค "ไซโคพาธ" มีข้อแนะนำ ดังนี้
- พยายามสร้างครอบครัวที่ดี อบอุ่น สังคมที่มีแต่การเอื้อเฟื้อดูแลกัน เพื่อลดโอกาสที่อาจทำให้เกิดโรคไซโคพาธในเด็ก
- ควรดูแลตัวเองให้ดี พยายามอย่าให้สมองต้องกระทบกระเทือน โดยเฉพาะสมองส่วนหน้า และสมองส่วนอะมิกดาลา
- ในกรณีที่พบเจอผู้ป่วยไซโคพาธ พยายามหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด อย่าไปยุ่งเกี่ยว
"ไซโคพาธ" จัดเป็นโรคที่น่ากลัวโรคหนึ่ง เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ผู้ป่วยจะสามารถกระทำการรุนแรงได้ถึงขนาดไหน อีกทั้งการที่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วย และใช้ชีวิตอยู่ในสังคมร่วมกับคนอื่นๆ ก็เป็นความเสี่ยงทางสังคมอย่างหนึ่ง ดังนั้นหากพบคนที่มีลักษณะอาการเข้าข่ายโรคนี้ ก็ควรอยู่ห่างๆ ไว้ก่อน หรือในกรณีที่เป็นคนใกล้ชิด เป็นคนใกล้ตัว ก็ควรรีบพาเขาไปรักษาให้ถูกต้องจะดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก : กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข / ประชาสัมพันธ์กรมสุขภาพจิต