รู้จักการทำ "IF" วิธีลดน้ำหนักยอดฮิต ที่ทั่วโลกนิยมใช้มากว่า 10 ปี
“IF" มาจากคำว่า "Intermittent Fasting" เป็นวิธีการลดน้ำหนักอีกวิธีหนึ่งโดยการควบคุมแคลอรี่ และจำกัดเวลาในการกินอาหาร ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีลดน้ำหนักที่คนทั่วโลกนิยมใช้กันมากว่า 10 ปีแล้ว แถมยังเป็นวิธีลดน้ำหนักฮิตในหมู่ผู้บริหารและคนรุ่นใหม่มากมาย
จากข่าวบนโซเชียลที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่ใช้ชื่อว่า Pattharaporn Limhoksee ได้เปิดเผยข้อมูลอาการทางการแพทย์ ของเด็กหญิงรายหนึ่ง อายุเพียง 14 ปี มีผลตรวจเลือดที่น่าเป็นห่วง เพราะการทำ “IF” 23/1 + LC ยาวนาน 1 ปี (ตอนอายุ13ปี) ติดต่อกันเป็นเวลานาน ตั้งแต่อายุเพียง 13 ปี จนผลการตรวจเลือดจากแล็บ พบว่าเด็กหญิงคนนี้ กำลังมีความเสี่ยงทางสุขภาพกับโรคต่างๆ เหล่านี้ สูงมาก
- เกิดภาวะธาลัสซีเมีย
- ไขมันในเลือดสูงมาก
- ตัวร้อน Heat แต่วัดอุณหภูมิปกติ
- ผิวหยาบกร้าน แห้งรุ่นแรง ปากแตก
- ผมแห้งหยาบ
- นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย
- ตอนนี้ร่างกายไม่รับอาหารทุกชนิด อาเจียนอย่างเดียว
- นอนซมไม่มีแรงขยับร่างกาย
สำหรับหลายคนที่ยังไม่รู้ว่า การทำ "IF" คืออะไร วันนี้ คมชัดลึกออนไลน์ มีข้อมูล พร้อมคำแนะนำมาฝากกันค่ะ
"IF" มาจากคำว่า "Intermittent Fasting" เป็นวิธีการลดน้ำหนักอีกวิธีหนึ่งโดยการควบคุมแคลอรี่ และจำกัดเวลาในการกินอาหาร ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีลดน้ำหนักที่คนทั่วโลกนิยมใช้กันมากว่า 10 ปีแล้ว แถมยังเป็นวิธีลดน้ำหนักฮิตในหมู่ผู้บริหารและคนรุ่นใหม่มากมาย ใครที่จะเริ่มทำ IF ต้องรู้อีกนิดนึงว่า เราจะแบ่งเวลาการกินออกเป็น 2 ช่วง คือ
- ช่วงอด (Fasting)
- ช่วงกิน (Feeding)
ทั้งนี้หลังการลดน้ำหนักแบบ ก็มีเงื่อนไขที่สำคัญอยู่ 3 ข้อ ได้แก่
- ต้องงดอาหาร 1 มื้อในแต่ละวัน
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารมื้อดึก
- กินอาหารตามปกติในช่วงเวลา Feeding 8 ชั่วโมง
การลดน้ำหนัก Intermitent Fasting มี 6 วิธี แต่วิธีที่ได้รับความนิยมก็คือจำกัดเวลากินอาหาร 8 ชั่วโมง และอดอาหาร 16 ชั่วโมง
- วิธีลดน้ำหนัก Intermitent Fasting แบบ Lean gains คือ การกินอาหารในช่วงเวลา 8 ชั่วโมง และอดอาหารในช่วงเวลา 16 ชั่วโมง หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสูตร 8/16 เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
- วิธีลดน้ำหนัก Intermittent Fasting แบบ Fast 5 เป็นการอดอาหารที่ค่อนข้างหักดิบ เพราะเป็นการกินอาหารเพียง 5 ชั่วโมงและอดอาหาร 19 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง
- วิธีลดน้ำหนัก Intermittent Fasting แบบ Eat stop Eat คือ จะต้องอดอาหาร 24 ชั่วโมง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนวันที่ไม่อดก็สามารถกินได้ตามปกติ แต่ก็ต้องกินอย่างเหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่วิธีนี้ไม่ แนะนำสำหรับคนที่เริ่มลดน้ำหนัก เพราะจะทำให้รู้สึกอยากอาหารมากขึ้นในวันต่อไปและส่งผลต่ออารมณ์ ด้วย
- วิธีลดน้ำหนัก Intermittent Fasting แบบ 5:2 คือการกินอาหารตามปกติ 5 วัน และกินอาหารแบบ Fasting 2 วัน ซึ่งจะเลือก ทำติดกัน 2 วันหรือห่างกันก็ได้ วิธีนี้จะไม่ใช่การอดอาหารทั้งวัน แต่จะเป็นการลดปริมาณอาหารให้น้อยลง แทน เช่น ผู้ชายสามารถกินได้ 600 แคลอรี่ ส่วนผู้หญิงกินได้ 500 แคลอรี่ หรือประมาณ1/4 ของแคลอรี่ที่ได้รับต่อวัน
- วิธีลดน้ำหนัก Intermittent Fasting แบบ The Warrior Diet เป็นการอดอาหารในช่วงกลางวันดื่มได้แค่น้ำเปล่า และมารับประทานอาหารหนักในมื้อค่ำเพียงมื้อเดียวเท่านั้น
- วิธีลดน้ำหนัก Intermittent Fasting ADF (Alternate Day Fasting) เป็นอดอาหารแบบวันเว้นวัน ซึ่งจัดว่าเป็นวิธีค่อนข้างหักโหมเพราะต้องอด อาหาร 1 วัน กินอาหาร 1 วัน แล้วกลับมาอดอีก 1 วัน แต่ทั้งนี้ก็เหมือนกับ IF สูตร 5:2 เพราะในวันที่ Fast เราสามารถกินอาหารแคลอรีต่ำได้ แต่ต้องกินให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
การลดน้ำหนักแบบ IF เป็นการปรับพฤติกรรมการกินอย่างให้สอดคล้องกับหลักความต้องการของร่างกาย ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ สุขภาพต้องมาก่อนเสมอ ไม่ควรฝืนร่างกาย หากไม่ไหวก็ควรหยุด อาจทำแค่ 2 วัน /สัปดาห์ หรือทำในวันหยุดที่สามารถคุมอาหารได้
ข้อควรรู้ก่อนเริ่มทำ IF
- ลดมื้ออาหารได้ไหม? เพราะหากลดไม่ได้ตั้งแต่เริ่มก็ถือว่าวิธีนี้ไม่เหมาะกับคุณ ควรหาวิธีการลดน้ำหนักแบบอื่นดีกว่า
- ทำ IF เพื่ออะไร? ปกติแล้วจุดประสงค์ของการทำ IF มีอยู่ 2 อย่างคือ ลดน้ำหนัก และ ทำเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น หากทำเพื่อสุขภาพที่ดี ไม่ต้องลดอาหารเยอะ อาจแบ่งแคลอรี่ให้พอดีใน 1-2 มื้อที่กิน เช่น แบ่งเป็นมื้อละ 750-900 แคลอรี่
- รับได้ไหมหากผลการลดแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้เห็นผลเร็ว เพราะการลดแบบ IF จะเป็นการลดเป็นช้าๆ ค่อยๆเห็นผล สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีน้ำหนักตัวมากจนเกินไป โดยการลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัม อาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือนจึงจะเห็นผล
ที่มาข้อมูล : https://allwellhealthcare.com/intermitent-fasting/