
รอบรู้เรื่อง "เล็บ"
เล็บ คงไม่มีใครคิดว่า อวัยวะส่วนนี้สามารถป่วยได้มากถึงกับต้องมีแพทย์ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ บางคนอาจจะมองเรื่องเล็บเฉพาะความสวยความงามเท่านั้น และบางคนอาจรู้จักปัญหาของเล็บเพียงแค่เล็บขบ หรือเชื้อรา แท้ที่จริงแล้ว เล็บของแต่ละบุคคล แฝงความลับเกี่ยวกับสุข
เล็บที่มีลักษณะผิดปกติ อาจบ่งชี้ว่า เจ้าของเล็บมีความผิดปกติของสุขภาพ ที่สำคัญในหลายระบบทั้ง หัวใจ ปอด ตับ และอวัยวะอื่นๆ นอกจากนี้ สีของเล็บที่เปลี่ยนแปลง ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพด้วยเช่นกัน
สีของเล็บที่เปลี่ยนไป
ไม่ว่าจะเป็นสีดำ สีเหลือง สีน้ำตาล สีขาวขุ่น ล้วนแล้วแต่เป็นความผิดปกติทั้งสิ้น อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- ถูกกระแทก หรืออุบัติเหตุ เป็นเหตุให้มีเลือดออกใต้เล็บ เล็บจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินดำ หรือดำ
- การติดเชื้อราบริเวณเล็บ ทำให้สีของเล็บเปลี่ยนเป็นสีขาว สีเหลือง สีน้ำตาล เล็บมักจะหนา เชื้อราที่เล็บเท้าจะพบบ่อยกว่าที่บริเวณเล็บมือ พบบ่อยในผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือมีภูมิต้านทานโรคต่ำ
ปลายเล็บลอกหลุดเป็บชั้นๆ (Brittle Nails)
พบได้ในคนสูงอายุ เทียบได้กับผิวที่แห้งง่าย และลอกหลุดเป็นสะเก็ด นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากการขาดสารอาหารบางชนิด
เล็บขบ
เล็บขบ เป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก เกิดจากแผ่นเล็บด้านข้างที่ทิ่มลงในเนื้อข้างเล็บ พบได้บ่อยที่นิ้วหัวแม่เท้า เมื่อเกิดการอักเสบติดเชื้อ อาจลุกลามเป็นมากขึ้น จนต้องทำการถอดเล็บบางส่วนออกได้ สาเหตุของเล็บขบที่พบบ่อยเกิดจาก การใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม คับเกินไป และการตัดเล็บที่ไม่ถูกต้อง
วิธีการตัดเล็บที่ดี
1. ก่อนตัดเล็บเท้า ควรแช่น้ำอุ่นก่อน จะทำให้เล็บอ่อนนุ่มขึ้นและตัดได้ง่ายขึ้น
2. อย่าตัดเล็บสั้นมากเกินไป
3. ตัดเล็บให้เป็นแนวตรง อย่าตัดเข้ามุม และควรตะไบขอบเล็บให้เรียบ
4. การตัดเล็บที่ร้านเสริมสวย ควรระมัดระวังเรื่องความสะอาดของอุปกรณ์การทำเล็บ และไม่ควรให้ตัดเข้ามุมจนเกินไป
ในกรณีที่เกิดปัญหาเล็บขบเรื้อรัง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะรักษาโดยการตัดบางส่วนของเล็บออก และใส่วัสดุลงไปกั้นระหว่างเล็บและเนื้อเยื่อรอบเล็บ เพื่อช่วยให้การงอกของเล็บไปในทางที่ต้องการ
พ.ท.พญ.อยุทธินี สิงหโกวินท์
อายุรแพทย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลพญาไท