ไลฟ์สไตล์

ปั้นดินเผา"บ้านเชียงเครือ" 
งานคุณภาพทำเงินเพื่อชุมชน

ปั้นดินเผา"บ้านเชียงเครือ" งานคุณภาพทำเงินเพื่อชุมชน

02 เม.ย. 2553

การปั้นเครื่องปั้นดินเผา เป็นอาชีพหนึ่งที่ ชาวบ้านเชียงเครือ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.สกลนคร แทบทุกหลังคาเรือน ทำตกทอดกันมาช้านานจากรุ่นสู่รุ่นกระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เวลาว่างจากการทำนาฝึกฝีมือจนผลิตภัณฑ์เหล่านี้กลายเป็นสินค้าสร้างชื่อ สร้างรายได

 เฉกดั่ง บุญเรื่อง พรหมพันธ์ อดีตอาจารย์ 2 ระดับ 7 อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนคร อีกผู้หนึ่งที่หันมาจับอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผาสืบทอดมาจากบรรพบุรุษจนประสบความสำเร็จ หลังลาออกจากราชการมาลงทุนเปิดเป็นโรงงานผลิตอย่างจริงจัง กระทั่งปัจจุบันสามารถขยายกิจการออกไปอย่างกว้างขวาง มีคนงานเป็นช่างฝีมือ 15 คน ส่งจำหน่ายทั้งในและต่างจังหวัดที่สั่งเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนผลิตแทบไม่ทัน

 “ผมทำเครื่องปั้นดินเผามากว่า 18 ปี ตั้งแต่รับราชการโดยทำเป็นอาชีพเสริม กระทั่งเมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมา จึงหันมาทำอย่างจริงจัง มีการขยายเตาเผา โรงอบ สถานที่จำหน่าย จนปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของเราเป็นสินค้าโอท็อปของตำบลสร้างรายได้ให้ชุมชนปีละหลายสิบล้านบาท" อ.บุญเรื่อง เล่าถึงที่มา

 พร้อมบอกถึงผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงเครือที่ทำว่ามากมาย อาทิ โอ่งน้ำ หม้อดิน กระถางต้นไม้ อ่างบัว แจกันดิน โดยดินที่นำมาปั้นเป็นดินเหนียวเนื้อละเอียด ที่ขุดจากนาของนายเลิง อุปลีย์ ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้าน 1 กิโลเมตร ที่ขายให้ในราคา 580 บาท/ลูกบาศก์เมตร

 "ดินเหนียว 1 ลูกบาศก์เมตร เมื่อปั้นเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้วจะมีรายได้จากการจำหน่ายประมาณ 6,000-7,000 บาท โดยตลาดส่วนใหญ่มีทั้งในประเทศและต่างประเทศ สามารถแบ่งเป็นสัดส่วนในประเทศ 40 เปอร์เซ็นต์ และต่างประเทศ 30 เปอร์เซ็นต์ ราคาขายมีตั้งแต่ราคา 5 บาท ไปจนถึงสูงสุด 400 บาทต่อชิ้น"

 ปัจจุบันสินค้า 70% นอกจากวางจำหน่ายตามร้านค้าทั้งในและต่างจังหวัดแล้ว ยังจำหน่ายให้เจ้าของสวนดอกไม้ วัดคริสต์ศาสนา หน่วยงานทางราชการ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล พัฒนาชุมชน ตลอดจนองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะจำหน่ายให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว เขมร เวียดนาม เป็นต้น

 "ปัญหาและอุปสรรคในการทำเครื่องปั้นที่หนักสุดเป็นเรื่องสถานที่เก็บและตากชิ้นงาน ซึ่งมีไม่เพียงพอต่อการผลิตอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝน ซึ่งสถานที่ดังกล่าวจำเป็นมาก เพราะผลพวงจากความชื้นทำให้ชิ้นงานแห้งช้า การเผาก็ต้องช้าใช้เวลาตามไปด้วย" อ.บุญเรื่อง แจง

 พร้อมเสริมอีกถึงปัญหาช่วงฤดูร้อนก็มีเช่นกัน อันเนื่องมาจากหากอุณหภูมิสูงมากก็ทำให้ชิ้นงานปั้นแตกร้าวก่อนจะนำเข้าเตาเผา ซึ่งก็ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ด้วยอุปสรรคที่กล่าว จึงส่งผลให้การผลิตชิ้นงานไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ขณะที่มุมมองปัญหาในอนาคตมองว่าฟืนซึ่งเป็นวัตถุดิบในการเผาอาจหมดไป ส่วนดินเหนียววัตถุดิบสำคัญราคาอาจถีบตัวสูงขึ้น

 ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อ.บุญเรื่อง บอกว่า จะไม่ย่อท้อ พยายามเดินหน้าต่อ เพราะนอกจากผลิตถัณฑ์จะสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว โดยสร้างรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 3-4 หมื่นบาทแล้ว ยังสร้างอาชีพให้ชาวบ้านในชุมชนด้วย

 ปัจจุบันโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาของ อ.บุญเรื่อง มีนักเรียน นักศึกษา เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดินทางมาศึกษาดูงานไม่ขาดสาย ซึ่งเขาไม่ได้หวงวิชา และฝากบอกว่าหากหน่วยงานใดสนใจจะทราบรายละเอียด ต้องการเรียนรู้กระบวนการผลิต สามารถติดต่อไปได้ที่ โทรศัพท์ 08-7855-0851 และ 0-4275-4011 พร้อมให้คำแนะนำปรึกษาทุกวัน
         
"นรากร เวชกามา"