ไลฟ์สไตล์

"ทดสอบการได้ยิน" ด้วยตัวเอง

"ทดสอบการได้ยิน" ด้วยตัวเอง

05 เม.ย. 2553

วิธีทดสอบการได้ยิน ตอบคำถามง่ายๆ ต่อไปนี้ 1.คุณได้ยินเสียงชัดเจนดีหรือไม่ • ทดสอบการได้ยินแบบที่ 1 ถูนิ้วห่างจากหูประมาณ 1 นิ้ว ด้านขวา แล้วมาด้านซ้าย - ได้ยินเสียง และได้ยินดังเท่ากันทั้งสองข้างหรือไม่ - ได้ยินเสียงเบาที่สุดแค่ไหน

  (คนปกติจะได้ยินเสียงเพียงถูนิ้วเบาๆ ที่หน้าหู)
  • ทดสอบการได้ยินเสียงแบบที่ 2 ให้เพื่อนกระซิบที่หูข้างขวา แล้วมาข้างซ้าย คุณได้ยินเสียงกระซิบหรือไม่
   - พูดทวนความได้ยิน
   - ได้ยินเบาที่สุดแค่ไหน
  (คนปกติควรได้ยินเสียงกระซิบห่างจากหูระยะ 10 ซม.)
 2.คุณทราบไหมว่า มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้การได้ยินของคุณเสื่อม
  ทางซ้าย คือโรค    ทางขวาคืออาการ
  ขี้หูเป็นก้อนใหญ่อุดตัน   หูอื้อ อาจปวดหู
  การติดเชื้อในช่องหู    หนองไหล เจ็บหู
  แก้วหูทะลุ     หูอื้อ
  การติดเชื้อในโพรงหูชั้นกลาง   หูชั้นกลางอักเสบ-หูน้ำหนวก
  ท่อต่อหูชั้นกลางตัน    หูอื้อ เป็นหวัด
  โรคของหูชั้นใน     หูอื้อ เวียนหัว มีเสียงรบกวนในหู
  โรคของสมอง     เดินเซ หูอื้อ
  โรคของเส้นประสาทเสียง   เดินเซ หูอื้อ
 3.คุณทราบไหมว่า ครึ่งหนึ่งของผู้ที่มีความผิดปกติทางการได้ยิน และมีโรคหู สามารถรักษาให้หายได้ ถ้าตรวจพบอาการตั่งแต่เนิ่นๆ  ทางซ้ายคือโรค                             ทางขวาคือการรักษาและการป้องกัน
  ขี้หูจับเป็นก้อนในช่องหู   หยอดยาละลายขี้หู และอย่าแคะหูบ่อยๆ
  การติดเชื้อในช่องหู    ยาหยอดหู ป้องกันโดยอย่าแคะหู
  แก้วหูทะลุ     ถ้าแห้ง หลีกเลี่ยงน้ำเข้าหู รูทะลุจะเปิดเองได้
  แก้วหูทะลุและมีเชื้อ                              รักษาอาการติดเชื้อถ้ายังอักเสบอยู่
  ท่อต่อหูชั้นกลางตัน    รักษาโรคหวัดให้หายเร็วๆ เป่าลมจากหลังโพรงจมูกไปหู
 4.คุณทราบไหมว่า หูตึงบางครั้งอาจมาจากสาเหตุร้ายแรงอย่างนี้ ถ้าหูตึงพร้อมกับเวียนศีรษะ ได้ยินเสียงหลอดในหู ส่วนใหญ่เป็นสาเหตุของโรคหูชั้นใน ถ้าเกิดอาการนี้ต้องเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีทันที ไม่อย่างนั้นหูจะตึงมากขึ้น หูข้างหนึ่งตึงมากขึ้นเรื่อยๆ มีสาเหตุมาจากโรคของสมองส่วนกลาง ต้องให้แพทย์ตรวจอย่างละเอียด
 5.คุณทราบไหมว่า ถ้าทารกหูตึงมาก หรือหูตึงปานกลาง มีผลทำให้พูดช้า หรืออาจถึงขั้นไม่พูดเลย เด็กจะกลายเป็นคนหูหนวก และเป็นใบ้ได้ ควรตรวจสอบการได้ยินตั้งแต่เนิ่นๆ และเข้ารับการรักษาตามแพทย์เห็นสมควร
 6.คุณทราบไหมว่า ยาหลายชนิดทำให้หูตึง เช่น ยาแอสไพริน ยาปฏิชีวนะ พวกอมิโนไกลโคไซด์ ทำให้เกิดการรบกวนในหู และทำลายปลายประสาทรับเสียง ทำให้หูตึงได้
 7.คุณทราบไหมว่า ฟังเสียงดังมากๆ จะเกิดหูตึงได้ อย่าอยู่ในบริเวณที่มีเสียงดังมากๆ นานๆ รวมทั้งการใช้โทรศัพท์มือถือนานๆ หรือฟังเพลงด้วยหูฟังดังๆ นานๆ
 8.คุณทราบไหมว่า ถ้าคุณมีปัญหาการได้ยินที่แก้ไม่ตก แพทย์ทางหู และเจ้าหน้าที่โสตสัมผัส คือผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้คุณฟังเสียงต่างๆ ได้ดีขึ้น
ศูนย์การได้ยิน การพูด การทรงตัว เสียงในหู
โรงพยาบาลกรุงเทพ โทร.1719