ม.ราชธานีแหกตา!รับนศ.พยาบาลปี53"สกอ."เตือนถูกลอยแพ-ชี้สภาการพยาบาลไม่รับรองหลักสูตร | คมชัดลึก

 รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้มหาวิทยาลัยราชธานี จ.อุบลราชธานี ได้เปิดรับสมัครนักศึกษาในคณะพยาบาลศาสตร์ หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตศึกษา ปีการศึกษา 2553 ทั้งที่สภาการพยาบาลขอให้มหาวิทยาลัยงดรับนักศึกษาในปีการศึกษา 2553 เนื่องจากเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 นักศึกษาร้องเรียนว่าถูกหลอกให้เข้าศึกษาต่อในคณะพยาบาลศาสตร์ แต่เมื่อเข้าเรียนจริงกลับได้เรียนในคณะศิลปศาสตร์ (การพยาบาล) อีกทั้งยังรับนักศึกษาเกินกว่าที่สภาการพยาบาลกำหนด

 เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) กล่าวว่า การเปิดรับนักศึกษาของ ม.ราชธานี เป็นอำนาจของสภามหาวิทยาลัยที่สามารถอนุมัติเปิดรับนักศึกษาได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) แต่ที่ผ่านมา สกอ.เน้นย้ำให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ไปว่า การเปิดรับนักศึกษาขอให้มหาวิทยาลัยแจ้งข้อเท็จจริงแก่นักศึกษา ให้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมา ส่วน ม.ราชธานีที่จะเปิดรับนักศึกษาในคณะพยาบาลศาสตร์จะต้องแจ้งให้ชัดเจนว่า คณะดังกล่าวทางสภาการพยาบาลได้มีการสั่งให้ชะลอการรับนักศึกษาเอาไว้ แม้จะเรียนจบและได้รับปริญญาแต่จะไม่สามารถขอสอบเพื่อขอรับใบประกอบวิชาชีพพยาบาลจากสภาการพยาบาลได้ เพราะสภาการพยาบาลไม่ได้รับรองหลักสูตรดังกล่าวเมื่อจบแล้วจะไม่ได้เป็นพยาบาล

 “หลังจากเกิดปัญหา สกอ.ได้สอบถามถึงเรื่องที่มหาวิทยาลัยไม่ได้แจ้งข้อมูลที่เป็นจริงต่อนักศึกษา และการที่มหาวิทยาลัยไปกำหนดเงื่อนไขในการรับเข้าเรียนโดยไม่มีการกำหนดเกรดเฉลี่ยชั้นปีที่ 1 ที่ชัดเจนให้นักศึกษารู้ตั้งแต่แรก หากมีปัญหาเกิดขึ้นหมายความว่านักศึกษาจะต้องรับผิดชอบตัวเองและอาจจะถูกมหาวิทยาลัยลอยแพได้” ศ.นพ.กำจร กล่าว

 ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการ กกอ.กล่าวว่า เมื่อสภาการพยาบาลไม่รับรองหลักสูตรดังกล่าวแล้ว นักศึกษาก็ไม่ควรสมัครเข้าเรียน เพราะจะเกิดปัญหาตามมา อย่างไรก็ตาม ฝากเตือนนักศึกษาก่อนจะเข้าเรียนในหลักสูตรใดควรตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน

 ด้าน ศ.ดร.วิจิตร ศรีสุพรรณ นายกสภาการพยาบาล กล่าวว่า เบื้องต้นสภาต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่า ม.ราชธานีเปิดรับนักศึกษาจริงหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาสภาการพยาบาลมีมติให้ชะลอรับนักศึกษาในปี 2553 หากมหาวิทยาลัยยังเปิดรับนักศึกษาจริงก็ถือว่าผิดข้อตกลง ซึ่งคงต้องดูระดับความรุนแรงของความผิด