ชาวสวนเฮยางพาราพุ่งไม่หยุดรับอานิสงส์จีนนำเข้า2หมื่นตัน | คมชัดลึก

 นายศุภชัย โพธิ์สุ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากภาวะแล้งจัดในประเทศจีน โดยเฉพาะมณฑลไหหลำและมณฑลยูนนาน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตยางสำคัญ ส่งผลให้ผลผลิตยางพาราลดลงประมาณ 2 หมื่นตัน ขณะที่ความต้องการยังมีอยู่มากเพื่อป้อนให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ขยายตัวขึ้น ดังนั้นคาดว่าปีนี้จีนจะต้องนำเข้ายางเพิ่มขึ้น โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมาจีนนำเข้ายางธรรมชาติแล้ว 490,452 ตัน เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เชื่อว่าความต้องการดังกล่าวจะทำให้ราคายางพาราของไทยเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

 ทั้งนี้ ไตรมาสแรกที่ผ่านมาไทยส่งออกยางแล้วมูลค่าสูงกว่าแสนล้านบาท โดยส่งออกไปจีนมากที่สุด 3.27 แสนตัน มูลค่า 31,708 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.3% รองลงมาคือมาเลเซีย 1.26 แสนตัน มูลค่า 11,407 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8% ญี่ปุ่น 9.2 หมื่นตัน มูลค่า 8,861 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนสหรัฐ 5.2 หมื่นตัน มูลค่า 4,904 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงเมื่อเทียบกับปีก่อน

 นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ทุกประเทศจะเกิดภาวะการขาดแคลนยางจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลผลิตยางในประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่คือ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย มีปริมาณลดลงจากภาวะที่แล้งจัด

 ขณะที่พื้นที่ปลูกยางใหม่ยังไม่ให้ผลผลิต ทำให้น้ำยางที่ออกสู่ตลาดจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เริ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ตามการที่จีนระบายยางสต็อกเมื่อวันที่ 14 เมษายน และ 23 เมษายน ที่ผ่านมา จำนวน 6 หมื่นตัน จาก 1.05 แสนตัน ส่งผลทำให้แรงกดดันของภาคอุตสาหกรรมจากภาวะขาดแคลนผลผลิตยางของโลกผ่อนคลายลง

 รายงานข่าวจากสถาบันวิจัยยาง แจ้งว่าราคายางตลาดกลางยางพาราสงขลา เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ยางแผ่นดิบราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 100.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาทจากวันที่ 13 พฤษภาคม ส่วนยางแผ่นรมควันชั้น 3 กิโลกรัมละ 107.99 บาท  เพิ่มขึ้น 1.94 บาท ราคาที่เพิ่มขึ้นเกิดจากยางที่เกษตรกรกรีดได้ให้น้ำยางน้อยลง เพราะจากสภาพอากาศแห้งแล้งร้อนอบอ้าว ส่งผลให้ราคาตลาดโตเกียวปรับตัวสูงขึ้นมาก