ไลฟ์สไตล์

หัวใจไทย-“พระอภัยมณีเป่าปี่”

หัวใจไทย-“พระอภัยมณีเป่าปี่”

23 มิ.ย. 2553

วันที่ 26 มิถุนายน เป็น “วันสุนทรภู่“ คนสำคัญของโลกด้านวรรณกรรมที่ยูเนสโกประกาศยกย่องไปเรียบร้อยแล้ว ผลงานที่โดดเด่นเห็นจะเป็น

นิทานคำกลอน เรื่อง “พระอภัยมณี” ว่ากันว่าเป็นวรรณกรรมไทยที่ผลิตขึ้นในเชิงพาณิชย์ หรืออธิบายง่ายๆ ว่า “เขียนเพื่อขาย” เป็นเรื่องแรกและก็คงไม่มีใครที่จะไม่นึกถึงเรื่อง “การเป่าปี่” ของพระอภัยมณี แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าตลอดทั้งเรื่องนี้ มีการเป่าปี่รวมแล้วกี่ครั้ง และแต่ละครั้งเป่าไปทำไม

 วิธีการหาคำตอบคือหยิบหนังสือเรื่องพระอภัยมณี แล้วเปิดหน้าสารบัญจะพบว่ามีการเป่าปี่รวม 9 ครั้ง แต่หากได้อ่านกันจริงๆ โดยละเอียด กลับพบว่าการเป่าปี่ตลอดทั้งเรื่องมีถึง 13 ครั้ง ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ 1 ใน 13 ครั้งนั้น เป็นการเป่าปี่ของ “สินสมุทร”

 ผู้คนส่วนใหญ่จะจำการเป่าปี่ครั้งแรกได้ เพราะเป็นจุดพลิกผันวิถีชีวิตของพระอภัยมณี จากการที่สามพราหมณ์สงสัยว่าเหตุใดมณีจึงคิดเรียนเป่าปี่ พระอภัยมณีจึงอธิบายให้ฟังว่า “อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์“ แล้วก็หยิบปี่ที่ท่านอาจารย์ให้เป่าให้พราหมณ์สามนายฟัง เป็นความที่หลายคนท่องจำกันได้ติดปากว่า

 “...ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย ถึงร้อยรสบุปผาสุมาลัย จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย พระจันทรจรสว่างกลางโพยม ไม่เทียมโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย แม้นได้แก้ว แล้วจะค่อยประคองเคย ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน” หลังจากใครต่อใครได้ยินเสียงปี่แล้วหลับไป สุดท้ายพระอภัยก็ถูกนางผีเสื้อยักษ์ที่ได้ยินเสียงปี่แล้วไม่ยักหลับแต่กลับมาลักตัวไปอยู่ด้วยในถ้ำกลางมหาสมุทร จนได้ลูกชายออกมาคนหนึ่งชื่อว่า สินสมุทร

 เพลงปี่ครั้งที่ 2 ดังขึ้นหลังจากที่พระอภัยมณีซึ่งบวชอยู่ได้พบกับนางสุวรรณมาลีแล้ว แต่เสียงปี่ครั้งนี้เป็นผลงานการเป่าของสินสมุทร ที่จำเป็นต้องสึกออกมาเป่าปี่ให้พระเจ้าสิงหลฟังแทนพ่อซึ่งบวชอยู่ แต่ดูแล้วลีลาการเป่าคงมิใช่ย่อย เพราะฝีมือขนาด “...กรุงกษัตริย์ฟังปี่ให้วิเวก เอกเขนกนั่งหาวทั้งสาวศรี ให้วาววับหลับล้มไม่สมประดี ทั้งโยคีผู้เฒ่าพลอยหาวนอน…” เลยทีเดียว

 ส่วนครั้งต่อๆ มา คือครั้งที่ 3 พระอภัยมณีเป่าตอนพระอภัยมณีเรือแตก เพื่อฆ่านางผีเสื้อ ครั้งที่ 4 เป่าปี่จับเจ้าละมานซึ่งมาตีเมืองผลึก ครั้งที่ 5 เป่าปี่ห้ามทัพ ส่วนการเป่าปี่ครั้งที่ 6-8 เป่าปี่เรียกนางละเวงรวม 3 ครั้งต่อกัน ครั้งที่ 9 เป่าปี่ปลุกทัพ ที่น่าอับอายที่สุดคือครั้งที่ 10 เพราะพระอภัยมณีเป่าปี่เพราะหลงอุบายนางยุพาผกาหลอกให้เป่าปี่สะกดทัพตนเอง

 จากนั้นครั้งที่ 11 เป่าปี่เรียกนางละเวงและกองทัพทั้งหมด ครั้งที่ 12 เป่าปี่จับวลายุดา วายุพัฒน์ และหัสกัน ส่วนครั้งที่ 13 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย เป่าปี่ห้ามปลามิให้หนุนเรือ ครั้งนี้ใช้เวลานานมาก เพราะเป่าตลอดการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลประมาณ 1 เดือนครึ่งเลยทีเดียว

 มีเรื่องเล่ากันขำๆ ว่ามีคนไปเจอสมุดไทยโบราณซึ่งบันทึกเรื่องเพลงปี่พระอภัยเอาไว้ ก็เลยพยายามขอซื้อจากเจ้าของเดิม หลังจากเซ้าซี้อยู่นาน ในที่สุดเจ้าของก็ยอมขายให้ในราคาห้าหมื่นบาท พร้อมทั้งได้รับฟังข้อห้ามสำคัญในการใช้สมุดดังกล่าวว่า “ห้ามเปิดหน้าสุดท้ายโดยเด็ดขาด” ซึ่งเจ้าของใหม่ก็ถือปฏิบัติตามที่เจ้าของเก่ากำชับโดยเคร่งครัด ด้วยเกรงจะมีอาถรรพณ์

 วันหนึ่งมีเหตุให้สมุดไทยเล่มดังกล่าวต้องตกลงกับพื้น ทำให้หน้าสุดท้ายซึ่งถูกปิดเป็นความลับมานานถูกเปิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ และความลับที่ว่านั้นก็คือข้อความสั้นเขียนไว้ว่า “ราคา 50 บาท”

       นายรัฐศาสตร์