ไลฟ์สไตล์

หมอแนะ..เลี้ยงลูกให้“อารมณ์ดี”เป็นพื้นฐาน เก่ง ดี และมีความสุข

หมอแนะ..เลี้ยงลูกให้“อารมณ์ดี”เป็นพื้นฐาน เก่ง ดี และมีความสุข

06 ส.ค. 2553

ทำไมเราต้องเลี้ยงลูกให้อารมณ์ดี แล้วอารมณ์ดีส่งผลต่อความฉลาดของลูกอย่างไร ประเด็นที่น่าสนใจนี้ ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาในการสัมมนาเรื่อง “เลี้ยงลูกอย่างไรให้ฉลาด...แบบอารมณ์ดี” จัดโดย นมเปรี้ยว ดัชมิลล์พลัส แอดวานซ์ ร่วมกับโรงพยาบาลนครธน เขตบางขุนเทียน โดยเชิญว

ศ.พญ.อลิสา วัชรสินธุ จิตแพทย์เด็ก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนาวาเอกหญิง พรทิพย์ อินทรวิเชียร นักจิตวิทยาคลินิก โรงพยาบาลนครธน มาให้ความรู้แก่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ 

ศ.พญ.อลิสา วัชรสินธุ กล่าวว่า พ่อแม่คงจะมีเป้าหมายเดียวกันในการเลี้ยงลูกอยู่ 3 คำ คือเก่ง ดี มีความสุข หากเด็กมีเพียงเก่งและดี แต่ไม่มีความสุข เด็กมีแต่ความกังวล มีแต่ความทุกข์ ทั้ง 2 คำแรกก็ไม่สามารถไปพัฒนาคำที่ 3 คือความสุขได้ ดังนั้นพ่อแม่ควรเลี้ยงลูกให้มีอารมณ์ดี และเมื่อเด็กอารมณ์ดีก็จะมีความสุข แล้วจะช่วยในเรื่องความฉลาดอย่างไรนั้น จริงๆ แล้วความฉลาดจะติดตัวเด็กมาตั้งแต่เล็ก ได้รับถ่ายทอดมาจากจากคุณพ่อคุณแม่ แต่บางครั้งเด็กก็ไม่ได้ใช้ความฉลาดของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเด็กจะใช้ความสามารถที่เขามีอยู่ได้เต็มที่ก็ต่อเมื่อเด็กมีอารมณ์ดี

เด็กอารมณ์ดีจะช่วยพัฒนาการหลายๆ ด้านของเด็กได้ เช่น พัฒนาการทางด้านร่างกาย ด้านสติปัญญา ด้านอารมณ์ ด้านสังคม ยกตัวอย่างง่ายๆ ซึ่งหากเด็กมีพื้นฐานอารมณ์ดีก็จะทานได้ เล่นของเล่น พร้อมที่จะเรียนรู้ในด้านต่างๆ ที่จะผ่านเข้ามาได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ ด้านกีฬา ดนตรี เป็นต้น ตัวเด็กก็พร้อมเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างมีความสุข เช่น พ่อแม่ คุณครู ปู่ย่า ตายาย หรือเพื่อน ซึ่งก็เรียกว่ามีพัฒนาการทางด้านสังคม นั่นหมายถึง การที่เด็กอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ดี เขาก็ต้องมีอารมณ์และทักษะที่ดีทางสังคม หรือที่เรียกได้ว่า พัฒนาการดี เริ่มจากอารมณ์ที่ดี

          “ส่วนความฉลาดหรือที่เรียกว่า IQ เป็นสิ่งที่ติดตัวเด็กมาตั้งแต่ต้นนั้น พ่อแม่มีส่วนที่จะทำอย่างไรที่จะเลี้ยงลูกให้เขาได้ใช้ความฉลาดหรือ IQ ที่มีอยู่ในตัวได้มากที่สุด ดังนั้นพ่อแม่จึงต้องเสนอให้ลูกแสดงและเรียนรู้ ใช้ความสามารถที่มีอยู่ในตัวให้ออกมาให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิชาการ ดนตรี กีฬา มีปฏิสัมพันธ์กันในครอบครัว พูดกับลูก เล่นกับลูก ให้ลองเล่นทุกอย่าง ก็เป็นสิ่งที่สนับสนุนให้เด็กฉลาดได้

   แต่ความฉลาดน่าจะต้องมาคู่กับอารมณ์ดี เพราะถ้าเด็กอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิด วิตกกังวล กลัว เด็กก็จะไม่สามารถที่จะเรียนรู้ได้ ไม่สามารถที่จะใช้ความฉลาดที่มีอยู่ได้ สิ่งนี้ถือเป็นจุดหนึ่งที่พ่อแม่ต้องพัฒนาไปทั้งสองอย่าง และควบคุมพฤติกรรมของลูก ไม่ตามใจลูกจนเกินไป หากลูกหงุดหงิด ก้าวร้าว ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยที่พ่อแม่ไม่ควบคุม เด็กก็จะจบด้วยการเอาแต่ใจตัวเอง สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นในอนาคต ความฉลาดทางอารมณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะฉลาดไปก็ไม่มีประโยชน์ หากทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน” ศ.พญ.อลิสาอธิบาย

ศ.พญ.อลิสากล่าวต่อว่า “สิ่งใกล้ตัวที่จะทำให้ลูกฉลาด และมีอารมณ์ดีได้ก็คือเมื่อพร้อมที่จะมีลูก รักลูก รู้ใจลูก และเรียนรู้ว่าลูกตัวเองเป็นยังไง ชอบหรือถนัดอะไร และต้องมีเวลาให้แก่ลูก เพื่อจะได้รู้ใจเขาและจัดการได้มากขึ้น นอกนั้นเป็นเรื่องของเทคนิควิธีที่พ่อแม่จะต้องเรียนรู้จากผู้ใหญ่ จากคนรอบข้าง จากสื่อ และตัวช่วยอื่นๆ เช่น บุคคลทดแทน เวลาที่พ่อแม่ไม่อยู่ ต้องเป็นคนที่คล้ายคลึงกัน อาจจะเป็นปู่ย่า ตายาย หรือเป็นญาติพี่น้อง และโยงต่อไปถึงการเลือกโรงเรียน การดูแลจัดการสิ่งแวดล้อมของลูก ให้ลูกได้มีโอกาส ได้เรียนรู้ทุกอย่างที่ควรจะเรียนรู้ ได้ทำทุกอย่างที่เขาควรจะทำ แต่ไม่กดดันสิ่งที่ลูกทำไม่ได้ เมื่อเขาทำดีก็ชมเชย และคอยเฝ้าระวังปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ถ้าเรารู้ตั้งแต่เริ่มต้นก็จะแก้ไขได้ง่ายขึ้น

สิ่งสำคัญที่พ่อแม่จะละเลยไม่ได้ก็คือเรื่องสุขภาพและอาหารการกินของลูก ซึ่งมีผลต่ออารมณ์ของลูกโดยตรง เช่น เวลาหิวเขาก็จะอารมณ์ไม่ดี พ่อแม่ก็ต้องดูแลอาหารให้ครบห้าหมู่ เด็กควรจะได้รับอาหารที่มีประโยชน์ อร่อย เวลาที่จะดื่มนมก็ต้องเลือกที่มีประโยชน์ ปัจจุบันนมมีหลายรสให้เลือก ชอบรสไหนก็ได้ อย่าให้เด็กต้องกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพื่อเสริมให้เด็กได้มีความสดชื่น พัฒนาร่างกายและสมอง เมื่อได้กินดีเด็กก็จะอารมณ์ดี พ่อแม่ควรเลือกกลุ่มของอาหารที่มีประโยชน์หลายหมู่ให้ลูก บางครั้งก็จะมีอาหารพิเศษให้บ้าง นอกจากนี้รสชาติของอาหารก็มีความสำคัญสำหรับเด็กด้วย

ความสุขของเด็กเป็นส่วนสำคัญ เพราะเด็กต้องมีความสุขเป็น และถ้าเป็นความสุขที่ร่วมกันกับพ่อแม่ด้วยยิ่งดี มีเวลากอดลูก ให้รางวัลเฉพาะพฤติกรรมดี แต่บางครั้งความสุขของเด็ก อาจจะไม่ใช่ความสุขที่พ่อแม่ต้องการก็มี พ่อแม่คงจะต้องเลี้ยงลูกให้เขามีความสุขของตัวเองได้ ถ้าเขาอารมณ์ดีมีความสุข เขาก็จะเก่งและเป็นคนดีด้วย อยู่ได้ในสังคม เป็นคนที่มีประโยชน์ เติบโตอย่างมีความสุขต่อไป