ไลฟ์สไตล์

ศิษย์พระปราโมทย์ขู่สาวไส้แฉฝ่ายต้านคนชักใยเพียบ

ศิษย์พระปราโมทย์ขู่สาวไส้แฉฝ่ายต้านคนชักใยเพียบ

21 ก.ย. 2553

คนสนิทพระปราโมทย์เตรียมรวบรวมหลักฐานเด็ด ซัดกลับกลุ่มจ้องทำลาย แฉมีคนชักใยเบื้องหลังอื้อ มส.ยังไม่นำเรื่องเข้าถกที่ประชุม โฆษก มส.อ้างอยู่ในขั้นหาข้อมูล คณะทำงานชุดที่ ผวจ.ชลบุรีมอบหมายรอนัดสอบพระดังอีกรอบ ขณะที่สวนสันติธรรมยังปิดเงียบ

 ความคืบหน้ากรณีพระปราโมทย์ ปาโมชโช เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ถูกร้องเรียนว่ามีเหตุสงสัยเกี่ยวกับการยักย้ายถ่ายเทเงินบริจาคซื้อที่ดินสำนักสงฆ์ 100 ล้านบาท เข้าบัญชีนางอรนุช สันตยากร อดีตภรรยา จนทำให้หลายฝ่ายติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้มานานกว่าสัปดาห์แล้วนั้น 

 เมื่อวันที่ 20 กันยายน "คม ชัด ลึก" พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์พระปราโมทย์ ถึงกรณีข้อพิพาทต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่คนใกล้ชิดพระปราโมทย์แจ้งว่า พระปราโมทย์ไม่อยากให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทุกสำนัก เนื่องจากเกรงว่าสิ่งที่จะพูดออกไปอาจเป็นการสร้างประเด็นใหม่ๆ ในสังคม จะยิ่งลุกลามทะเลาะเบาะแว้งไปกันใหญ่

 "หลวงพ่อไม่อยากเป็นข่าว เพราะว่าข่าวส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องไม่ดี ตอนนี้สำนักพุทผธศาสนาชี้มาแล้วว่าเรื่องที่ดินของสวนสันติธรรมไม่มีความผิด ถูกต้องทุกอย่าง เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเวลาและข้อเท็จจริงจะทำให้เรื่องนี้กระจ่างขึ้นเอง หลวงพ่อท่านรู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ เพราะหลักฐานที่คนมาร้องเรียนนั้น เป็นหลักฐานที่ไม่จริง เชื่อว่าเรื่องนี้ใกล้จบเต็มทีแล้ว" คนสนิทระบุ

 คนสนิทพระปราโมทย์ย้ำว่า ล่าสุดทางสวนสันติธรรมกำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐานบางอย่าง เพื่อนำเสนอต่อสาธารณชนถึงขบวนการที่ต้องการทำลายสวนสันติธรรม ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องและอยู่เบื้องหลังจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้

 นายยุติศักดิ์ เอกอัคร นายอำเภอศรีราชา เปิดเผยว่า คณะทำงานที่นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ชลบุรี ได้มอบหมายให้เข้าไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงนั้น จะเป็นนักวิชาการสำนักพระพุทธศาสนา จังหวัดชลบุรี และนิติกรฝ่ายปกครอง จังหวัดชลบุรี ร่วมกับทางอำเภอศรีราชา ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ของสวนสันติธรรม เพื่อจะขอเข้ามนัสการพระปราโมทย์ที่จะขอทราบข้อเท็จจริง รวมทั้งให้จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องตามที่พระปราโมทย์ถูกกล่าวหา

  ทั้งนี้ คณะทำงานจะต้องตรวจสอบทุกเรื่อง เพื่อให้ประชาชนหายข้อสงสัย ถ้าตรวจสอบพบว่าผิดจริงก็ต้องรับผิดชอบทั้งทางวินัยสงฆ์ และทางคดีอาญา แต่หากไม่มีความผิด ประชาชนก็ต้องให้โอกาส ในเรื่องนี้ขอยืนยันว่าจะตรวจสอบให้ดีที่สุด และให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

 สำหรับบรรยากาศที่สวนสันติธรรม พบว่าปิดประตูเงียบไร้เงาศิษย์ของพระปราโมทย์เดินทางเข้าออกเหมือนวันหยุดที่ผ่านมา แต่เมื่อมองลอดกำแพงไปก็พบว่าไม่มีรถจอดและคนเดินไปมาภายใน ซึ่งป้ายที่ประกาศติดไว้ด้านหน้าระบุว่า จะเปิดประตูสวนสันติธรรมอีกครั้งในวันที่ 24-25 กันยายน 2553 เพื่อให้ลูกศิษย์ได้เข้ามาปฏิบัติธรรมและรับฟังการบรรยายธรรมะเช่นปกติ

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไกรสร เรียนศรี อดีตลูกศิษย์ของพระปราโมทย์ พร้อมตัวแทนกลุ่มชาวพุทธรักศาสนา จะเดินทางไปยังอาคารรัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 21 กันยายน เวลา 10.00 น. เพื่อขอให้ตรวจสอบ กรณีที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติชี้แจงเรื่องการครอบครองที่ดินของสวนสันติธรรมว่าไม่มีความผิด

 วันเดียวกัน ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม มีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) หลังเกาะติดว่าจะมีการนำประเด็นของพระปราโมทย์เข้ามาหารือในที่ประชุม มส.หรือไม่นั้น โดยก่อนการประชุม นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงความคืบหน้า หลังจากส่งเจ้าหน้าที่ไปรวบรวมข้อมูลพระปราโมทย์ว่า เรื่องดังกล่าวเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รายงานมายัง พศ.เนื่องจากจะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่างๆ ในขณะเดียวกัน พศ.มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ชลบุรี ดำเนินการ รวมทั้งเป็นอำนาจหน้าที่เจ้าคณะปกครองคณะสงฆ์ในจังหวัดนั้น ดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งในการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งนี้ ไม่ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุมแต่อย่างใด

 พระธรรมกิตติเมธี โฆษกมหาเถรสมาคม กล่าวหลังการประชุมมหาเถรสมาคม ว่า ส่วนตัวไม่ได้ติดตามข่าวกรณีของพระปราโมทย์ จึงไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัด คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะภาคในการดำเนินการ

 ถามว่าแนวทางการสอนของพระปราโมทย์ถือว่าถูกต้องหรือไม่ พระธรรมกิตติเมธีกล่าวว่า ยังไม่สามารถบอกได้ เพราะยังไม่มีข้อมูล แต่ก็ได้ให้ลูกศิษย์ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับพระปราโมทย์มาแล้ว เพราะอยากรู้ว่าพระปราโมทย์สอนอะไรบ้าง ที่ผ่านมามีคนเคยนำหนังสือคำสอนของพระปราโมทย์มาให้อ่าน แต่ก็ยังไม่ชัดเจน เพราะในหนังสือดังกล่าวเป็นการประมวลคำเทศน์ของพระปราโมทย์ ซึ่งในการเทศน์ของพระสงฆ์ส่วนใหญ่ ก็อาจจะเกิดการพูดติดลมได้ จึงยังไม่สามารถตัดสินได้ว่า มีการสอนที่ผิดหลักพระพุทธศาสนาหรือไม่

 เมื่อถามว่า การที่พระสงฆ์จะมีความผิดถึงขั้นอาบัติปาราชิก จะต้องมีพฤติกรรมแบบใด โฆษกมหาเถรสมาคมกล่าวว่า กรณีที่พระสงฆ์จะมีความผิดถึงขั้นต้องอาบัติปาราชิกนั้น จะต้องมีการร่วมประเวณี รวมทั้งการอวดอุตริอ้างตนเป็นพระอรหันต์ ก็ถือว่าเข้าขั้นอาบัติปาราชิกเช่นกัน