ไลฟ์สไตล์

ตับอักเสบ

ตับอักเสบ

14 ต.ค. 2553

ภาวะตับอักเสบ หมายถึง ภาวะการอักเสบของตับซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ยา แอลกอฮอล์ สารเคมี ฯลฯ โดยภาวะตับอักเสบจากไวรัส (Viral Hepatitis)

หมายถึง การอักเสบของตับจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งมีหลายชนิด ได้แก่ A B C D E G และไวรัสชนิดอื่น เช่น ไวรัสไข้เลือดออก ฯลฯ
ชนิดของไวรัสที่ทำให้เกิดตับอักเสบที่พบบ่อย ได้แก่
 1.ไวรัสตับอักเสบชนิด A สามารถแพร่กระจายในอาหาร น้ำ อุจจาระ โดยเฉพาะอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสนี้ เนื่องจากไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น การเข้าห้องน้ำแล้วไม่ล้างมือ แล้วไปจับอาหารและน้ำ เชื้อจะแพร่กระจายไปสู่สมาชิกในครอบครัวและเพื่อน โดยมากจะพบในร้านอาหาร ภัตตาคาร สถานที่รับเลี้ยงดูเด็กที่ไม่ถูกลักษณะ ไวรัสชนิดนี้ทำให้มีอาการเกิดขึ้นเฉียบพลัน แล้วจะหายไปเองโดยไม่เกิดตับอักเสบเรื้อรัง
 อาการ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด A จะมีอาการแบบเฉียบพลันคือ มีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ เพลียในระยะก่อนเหลือง ตามมาด้วยอาการเหลือง อาการมักเกิดขึ้นทันทีและรุนแรง เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อาจมีปวดเสียด หรือจุกแน่นแถวลิ้นปี่ หรือชายโครงขวา ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม อาจมีอุจจาระสีซีด อาการเหล่านี้จะมีอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ จนถึง 3 เดือน แล้วมักจะหายได้เอง โดยไม่มีโรคแทรกซ้อนอะไร
 2.ไวรัสตับอักเสบชนิด B เกิดจากการได้รับเลือด หรือสารปนเปื้อนเลือด การมีเพศสัมพันธ์ การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การล้างไต การเจาะหู การสักตัว หรือคิ้ว การใช้ใบมีดโกนและแปรงสีฟันที่มีเชื้ออยู่ รวมทั้งการได้รับเชื้อจากมารดาในขณะที่คลอด ทำให้เกิดการติดเชื้อเป็นตับอักเสบ
 อาการ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B ส่วนใหญ่จะมีอาการเฉียบพลัน โดยมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย แล้วมีอาการตัวเหลือง ตาเหลืองตามมา ผู้ป่วยส่วนมากจะหายได้เอง และมีภูมิคุ้มกัน มีเพียงส่วนน้อยที่กลายเป็นพาหะ ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อตั้งแต่วัยเด็ก อาจไม่มีอาการอะไรเลย และจะกลายเป็นพาหะ ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับแข็ง หรือมะเร็งตับได้ในอนาคต
 3.ไวรัสตับอักเสบชนิด C เกิดจากการได้รับเลือด การล้างไต การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การสักตัวหรือคิ้ว โดยพบว่า มากกว่า 90% ของผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อนี้มาจากการรับเลือด หรือส่วนประกอบของเลือด
 อาการ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด C ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ มักจะพบจากการตรวจการทำงานของตับที่ผิดปกติ หรือเมื่อมีอาการตับแข็ง หรือเป็นมะเร็งตับแล้ว
 การรักษา เมื่อมีอาการที่กล่าวมาข้างต้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษาที่ถูกต้อง แพทย์จะทำการตรวจเลือดดูหน้าที่การทำงานของตับ ซึ่งจะเป็นตัวชี้บ่งว่า มีอาการอักเสบของตับหรือไม่ ในผู้ป่วยตับอักเสบเฉียบพลันไม่มีการรักษาเฉพาะ แพทย์จะให้ยารักษาตามอาการเท่านั้น โดยทั่วไปผู้ป่วยจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง เพียงพักผ่อนตามสมควรและรับประทานอาหารให้เพียงพอ
โรงพยาบาลยันฮี
โทร.0-2879-0300