ไลฟ์สไตล์

ความสุขเล็กๆ ของสาว "บุ๊ค" พิมพ์เลิศ ใบหยก

ความสุขเล็กๆ ของสาว "บุ๊ค" พิมพ์เลิศ ใบหยก

16 ต.ค. 2553

อาจจะยังไม่คุ้นหน้าคุ้นตากันนัก เพราะนานทีปีหนจะได้เห็นหน้าทายาทตระกูลตึกสูงระฟ้ากลางกรุง อย่าง "บุ๊ค" พิมพ์เลิศ ใบหยก ลูกสาวคนสุดท้องของ คุณพ่อพันธ์เลิศ และ คุณแม่ปริยะดา ใบหยก ออกงานสังคมสักครั้ง ถึงแม้พักหลังมานี้จะเพิ่มความถี่ในการออกงานบ่อยยิ่งขึ้น แ

  "บุ๊คเรียนอยู่ที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เอกประชาสัมพันธ์ ตอนนี้อยู่ปี 3 ค่ะ ใกล้จะจบแล้วงานค่อนข้างเยอะทีเดียว เวลาจะไปไหนมาไหนเลยมีไม่มากเท่าไหร่ ส่วนงานสังคมก็มักจะไปคู่กับพี่สาว ("บุ๋ม" จารุจิต) บ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก เพราะตอนนี้พี่ชาย ("เบียร์" ปิยะเลิศ) ก็อยากให้ลองไปช่วยงานที่บริษัทของคุณพ่อ พอดีบุ๊คมีเรียนวิชานิวส์มีเดียกับวิชาไอซีทีที่มหาวิทยาลัยพอดี พี่ชายเลยอยากให้บุ๊คไปช่วยดูในเรื่องโซเชียลมีเดีย ซึ่งบุ๊คก็เคยไปประชุมที่บริษัทมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นใกล้สอบยังไม่มีสมาธิในการเรียนรู้เท่าไหร่ ก็เลยตั้งใจว่าสอบเสร็จคงต้องกลับไปเรียนรู้งานอย่างจริงจังอีกครั้ง เพราะบุ๊คคิดไว้แล้วว่า ถ้าเรียนจบก็จะขอทำงานสักพักก่อนแล้วค่อยเรียนต่อปริญญาโท ซึ่งก็คงต้องช่วยงานที่บริษัทคุณพ่อนั่นแหละค่ะ" สาวบุ๊คเล่าน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว

 แต่ถึงแม้จะต้องทุ่มเทเวลาให้การเรียนอยากหนักในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ และยังต้องแบ่งเวลาไปเรียนรู้งานกับพี่ชายด้วย แต่สาวบุ๊คก็ยังไม่ลืมที่จะแบ่งเวลาเพื่อหาความสุขใส่ตัว ด้วยการช็อปปิ้งเลือกซื้อและสะสมของสวยๆ งามคู่กายสาวๆ อย่างกระเป๋า และรองเท้านั่นเอง

 "คนอื่นเขาอาจหาความสุขด้วยการเล่นกีฬา หรือมีงานอดิเรกทำอย่างเช่นงานเย็บปักถักร้อย แต่สำหรับบุ๊คไม่ถนัดด้านงานฝีมือนัก จึงไม่มีงานอดิเรกจำพวกนี้ แต่การที่บุ๊คเลือกที่จะแต่งตัวสวยๆ ก็ทำให้บุ๊คมีความสุขได้เหมือนกัน มันจะทำให้เราสดชื่นขึ้น และยังช่วยเพิ่มความมั่นในตัวเองอีกด้วย" สาววัยใสเผยเคล็ดลับความสุขส่วนตัว

 ว่าแล้วงานนี้เลยต้องขอบุกห้องแต่งตัวของสาวบุ๊คกันซะหน่อย...ทันทีที่เปิดประตูห้องพร้อมกวาดสายตาโดยรอบ ความรู้สึกตะลึงเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นทันที เมื่อสายตาหันไปปะทะกับกองทัพรองเท้าร่วมร้อยคู่ และกระเป๋าอีกหลายสิบใบที่ตั้งเรียงรายอยู่ทั่วทุกมุมห้อง แต่ยังไม่ทันเอื้อนเอ่ยคำถามใดๆ ออกไป สาวน้อยวัย 20 ต้นๆ ก็รีบออกตัวก่อนว่า นี่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะในห้องเก็บของชั้นล่างยังมีอีกเพียบ

 "บุ๊ค คุณแม่ และพี่สาว ชอบแต่งตัวค่ะ รสนิยมในการเลือกซื้อของก็จะคล้ายๆ กันด้วย โดยเฉพาะกระเป๋าถือนี่สไตล์เดียวกันเป๊ะเลยค่ะ ใช้ด้วยกันได้ทุกใบ ดังนั้นทุกครั้งก่อนซื้อกระเป๋าก็จะไปยืนปรึกษากันก่อนว่าทุกคนชอบหรือเปล่า ถ้ามีคนใดคนหนึ่งไม่ชอบก็จะไม่ซื้อ แต่ส่วนใหญ่ถ้าลูกๆ ชอบคุณแม่ก็มักจะตามใจ อย่างรองเท้าก็ชอบแบบใกล้เคียงกันนะคะ แต่เท้าของบุ๊คกับพี่สาวจะคนละไซส์กัน ปกติบุ๊คจะชอบรองเท้าส้นเตี้ยแบบที่เป็นแตะๆ เลย เวลาไปเรียนจะใส่แบบนี้ตลอด มันจะเดินสบายคล่องตัวดี ตอนนี้ก็มีประมาณ 40 คู่ ส่วนรองเท้าส้นสูงบุ๊คใส่ไม่ค่อยเป็นค่ะ จะใส่ก็เฉพาะเวลาต้องออกไปงานเท่านั้น เพราะถึงจะเดินไม่ถนัดนักแต่มันก็ช่วยเสริมบุคลิกให้ดูสูงขึ้น ส่วนรองเท้าส้นตันบุ๊คไม่ชอบเลย เพราะใส่แล้วมันจะตันสมชื่อเลย ทำให้เราดูเตี้ยลงไปอีก" สาวบุ๊คสาธยายพลางหยิบรองเท้าออกมาโชว์อย่างสนุกสนาน

 นอกจากรองเท้าที่มีอยู่ในความครอบครองมากมายแล้ว กระเป๋าถือก็เป็นอีกหนึ่งแอ็กเซสเซอรี่ที่สาวบุ๊คชื่นชอบเช่นกัน และด้วยความที่ชอบสวมใส่เสื้อผ้าที่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้ง่าย โดยเน้นแบบเรียบๆ ในโทนสีขาว เทา และดำ จึงทำให้สาวบุ๊คเลือกที่จะใช้กระเป๋ามีการตกแต่งประดับประดาค่อนข้างโดดเด่น แต่ก็ต้องเข้ากันได้ดีกับเสื้อผ้าที่เธอเลือกสวมใส่ด้วย

 "บุ๊คจะมีกระเป๋าหลายแบบและหลายใบค่ะ เวลาไปเรียนจะเลือกใช้กระเป๋าใบใหญ่ เพราะจุของได้เยอะดี ส่วนใบเล็กๆ ก็จะใช้เวลาไปงาน คือมันขนาดเล็กใส่อะไรไม่ได้มากนัก แต่เน้นที่ถือโชว์มากกว่า อย่างใบสีดำยี่ห้อจีวองชี่ใบนี้ บุ๊คจะชอบมาก ใช้บ่อยด้วย เลือกถือแทบทุกครั้งที่ไปงาน แต่กระเป๋าแต่ละใบราคาจะค่อนข้างแพง เวลาใช้จะทะนุถนอมเป็นพิเศษ ไม่อยากให้เกิดรอย จึงต้องมีข้อตกลงกันว่า ไม่ว่าใครจะหยิบไปใช้ก็ตาม เมื่อใช้เสร็จแล้วจะต้องเอาของออกให้หมด แล้วหากระดาษหรือผ้ายัดไว้ด้านใน เพื่อไม่ให้เสียรูปทรง พร้อมเก็บใส่ถุงให้เรียบร้อย โดยเฉพาะยี่ห้อแอร์เมสสีดำใบเล็กที่คุณแม่ซื้อมาเซอร์ไพรส์ตอนที่ไปฮ่องกง คือบุ๊คกับพี่สาวเห็นแล้วถูกใจ แต่ดูราคาแล้วแพงมากก็เลยไม่ซื้อ แต่พอขึ้นรถคุณแม่ถือมาแล้วถามว่าใบนี้ชอบไม่ใช่เหรอ? ทำเอาบุ๊คกับพี่สาวงงเลยค่ะ เซอร์ไพรส์มาก ใบนี้ก็เลยต้องดูแลเป็นพิเศษกว่าใบอื่นๆ ค่ะ" สาวบุ๊คถ่ายทอดเรื่องราว

 พร้อมส่งเสียงเจื้อยแจ้วทิ้งท้ายด้วยว่า เมื่อก่อนทั้งกระเป๋าและรองเท้าจะเลือกใช้แบบไม่เน้นแบรนด์ แต่ก็ได้รับรู้ด้วยตัวเองแล้วว่า ของพวกนั้นไม่ค่อยทนทานเท่าไหร่นัก ใช้ได้ไม่นานก็พัง เดี๋ยวนี้เลยเปลี่ยนรสนิยมหันมาใช้ของแบรนด์เนมล้วนๆ เพราะถึงจะราคาสูง แต่การใช้งานก็คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป 

เรื่อง... "วันวิสา โรจน์แสงรัตน์"
ภาพ... "ฐานิส สุดโต"