ไลฟ์สไตล์

เล่นหูเล่นตา-ก้นครัว

เล่นหูเล่นตา-ก้นครัว

07 ก.พ. 2554

ห้องครัวเปิดโล่งติดกับสวนสีเขียวน้อยๆ มองออกไปเห็นต้นพุทธรักษาออกดอกสีขาวดูสะอาดตาส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมาตามลม มอสสีเขียวแอบแดดขึ้นตามพื้นอิฐมอญอย่างถ่อมเนื้อถ่อมตัวยังคงเป็นศูนย์กลางปากท้องของคนทั้งบ้านหลังนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน … เวลานี้ดูสงบนิ่งราวกับ

ชายหนุ่มวัย 26 หน้าตี๋ตัวสูงใช้มือ 2 ข้างเคล้าเนื้อหมูดิบสีชมพูให้เข้ากับน้ำสีแดงที่ได้จากการเคี่ยวรวมของเครื่องปรุงหลายสิ่งอย่างตั้งแต่ รากผักชี กระเทียม พริกไทย ตำรวมกันจนละเอียด    น้ำตาลปี๊บ น้ำผึ้ง น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว เต้าเจี้ยวบด เหล้าจีน และซอสมะเขือเทศ สูตรดัดแปลงที่ได้มาจากข้อมูลสุกในอินเทอร์เน็ตผสมกับข้อมูลดิบที่คิดเอาเองและความมั่วซั่วอีกเล็กน้อย

 “ต้องเอาส้อมจิ้มเนื้อหมูจนทั่วก่อนหมักรวมกับซอสที่ได้ ทิ้งไว้ในตู้เย็น 1 คืน แล้วค่อยเอามาย่างในเตาอบ”

 พ่อครัวฝึกหัดพูดไปทำไปเหมือนออกรายการทีวีสอนทำอาหาร ฉันมองหน้าเขาแล้วอมยิ้ม “มั่วจริงๆ” ขาเป็นลูกไม้ที่หล่นใต้ต้นเพราะตั้งแต่อากง อาม่า มาจนถึงรุ่นเขา ทุกคนก็ชอบกินและทำกิน

 หลังจากกลับมาจากเรียนภาษาจีนที่ปักกิ่ง 1 ปี เขาก็ได้ไปฝึกงานในก้นครัวของโรงแรม 5 ดาว อยู่ 2 เดือน ห้องอาหารของพนักงานเป็นที่ฝึกฝีมือที่เขาเลือก ได้เตรียมอาหารจำนวนมากให้แก่พนักงานทั้งโรงแรมกิน โดยเริ่มหัดหั่น ล้างผักสดและเนื้อสัตว์ต่างๆ ไปจนถึงขั้นตอนการต้ม ผัด แกง ทอด เมื่อครบหลักสูตร 2 เดือน เขากลับมาทำอาหารให้คนทั้งบ้านกินได้อย่างสบาย แต่ครัวกระจายเลอะเทอะทั้งครัว! ทุกวันนี้เจียวไข่ได้นุ่มฟูข้ามหน้าข้ามตาอาม่า (คุณยาย) ที่ทำให้กินตั้งแต่เด็ก ฤทธิ์เดชอยู่ที่การกระดกกระทะแถมมีไฟแลบตอนผัดผัก … ระทึกเหลือใจ (กลัวคิ้วหาย)

 “เกียรตินิยมบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แต่บ้าบออยู่ในก้นครัว” ฉันบ่น เขาอมยิ้ม นี่คือช่วงเวลาที่เขามีความสุขก่อนจะไปต่อปริญญาโทที่อเมริกาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าตามที่ฉันต้องการ …

 วันชิวอิกที่แสนจะวุ่นวายไม่ต่างกับวันไหว้ วันไหว้เราวุ่นวายกับข้าวของ ส่วนวันชิวอิกเราวุ่นวายกับผู้คน ลูกๆ หลานๆ ของเตี่ยฉันจะเอาส้มมาพร้อมซองแต๊ะเอีย ก้นครัวจึงทำงานเกินพิกัดเพื่อตอบสนองปากท้องของผู้มาเยือนที่เริ่มหิวหลังจากทำกิจกรรมนับเลขร่วมกัน 10 กว่าขา เสียงลุ้นเสียงหัวเราะของเด็กและผู้ใหญ่เซ็งแซ่เหมือนไฟไหม้บ้าน

 “เจ๊กตื่นไฟ” หาดูตัวอย่างได้จากคนบ้านนี้

 หมูแดงฝีมือหลานชายฉัน ถูกนำมาอุ่นในเตาอบอีกครั้งเพื่อให้ร้อนแล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำไว้ใส่บะหมี่ปูหมูแดง พี่สาวฉันลวกเส้นพอสะดุ้งได้เส้นเหนียวนุ่มกรุบกรับเล็กน้อยเทออกจากตะกร้อลวกลงไปนอนคลุกกับน้ำมันกระเทียมเจียวหอมเหยาะซีอิ๊วขาวนิดหน่อยคลุกเคล้าให้เข้ากันโรยหน้าด้วยหมูแดง ปูก้อน วางผักกวางตุ้งลวกเคียงราดน้ำซุปลงไปใส่ต้นหอมซอยและเหยาะพริกไทยบดเองเพิ่มความเผ็ดหอม เดี๋ยวเดียวก็เกลี้ยงชาม ก้นครัวเวิ่นเว้อวุ่นวายกว่าที่เคยเป็นมาในรอบปี เพราะมีคน 10 กว่าคนอยู่รวมกัน … ฉันเวียนหัว เมื่อความวุ่นวายผ่านไปความสงบกลับเข้ามาในช่วงที่พี่สาวฉันเก็บกวาดและถูพื้น

 “วันนี้ขายดี บะหมี่ 20 กว่าชามหมดภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง” พี่สาวฉันพูดอย่างภูมิใจ ฉันค้อนที่กินไม่อิ่ม

 เช้าของวันใหม่ ก้นครัวก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ความมีชีวิตชีวากับความวุ่นวายบางทีมันก็แยกกันไม่ออก แม่ฉันสอนลูกสะใภ้ให้ทำหูฉลามน้ำแดงใส่ปลิงทะเลตุ๋นของโปรดของเตี่ยฉัน

 “มากินกับป๊าสิลูก” แม่เอิ้น (เรียก)

 ฉันส่ายหัวเพราะนึกถึงสารคดีชีวิตสัตว์เกาะแปซิฟิกที่เพิ่งไปใส่เสียงร่วม 10 ชั่วโมง เห็นปลาฉลามโดนตัดครีบแล้วถีบทิ้งลงทะเลโดยปราศจากครีบ … มันกำลังจะตายอย่างทุกข์ทรมาน และมันกำลังจะสูญพันธุ์ … น่าสงสารฉลามมังสวิรัติ มันไม่กินสัตว์หรือคน แต่คนชอบกินมัน

 “แพงก็แพง ทรมานสัตว์อีกต่างหาก”

 จู่ๆ ก็สารคดีขึ้นสมอง เกิดจะรู้สึกผิดชอบชั่วดีเสียอย่างนั้น ...สิ่งมีชีวิตที่เห็นแก่ตัวที่สุดในโลกคือ “มนุษย์” มนุษย์ช่างเสาะแสวงหาทุกสิ่งทุกอย่างมาตอบสนองความอยากที่ไม่มีวันจบสิ้นของตัวเอง อาหารบนโลกนี้ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและเพาะเลี้ยงเองได้ก็มีมากมายจนล้นปากล้นคอ มนุษย์ก็ยังไม่หยุดเสาะหา ไม่หยุดความละโมบโลภมากของตัวเอง อาหารแปลกๆ เมนูพิสดารมากมายถูกนำมาประเคนใส่ปากเพียงเพื่อให้ได้ชื่อว่า “รสนิยมเหนือใคร” แม้บางครั้งจะเสี่ยงตายกับการกินก็ยังจะกิน เช่น ปักเป้าพิษที่คนญี่ปุ่นนิยมเปิบกันในภัตตาคารหรูๆ ต้องชำแหละโดยฝีมือของเชฟที่ได้รับใบประกาศนียบัตรว่าเชี่ยวชาญในการชำแหละเอาเส้นพิษออก เนื้อวาฬที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งเป็นสัตว์อนุรักษ์ก็ถูกนำมาเปิบบนโต๊ะ กิโลละเป็นแสน แม้แต่เพื่อนที่แสนดีของมนุษย์ “หมา” ก็กลายเป็นอาหารอันโอชะของผู้คนต่างวัฒนธรรมการกิน

 เราคงต้องกลับมาหาคำว่า “พอเพียง” กินเพื่ออยู่ ต่อให้อยู่เพื่อกินในบางครั้ง รสนิยมในการกินของคนเราก็ไม่ควรข้ามขอบเขตของความเคารพ เมื่อทุกสิ่งในโลกมีคุณค่าจุนเจือและส่งผลต่อกัน ดังนั้น …

 จงกินด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน หาไม่แล้วสักวัน เราจะหันมากินกันเอง เมื่อทุกอย่างสูญพันธุ์จนเหลือแค่เผ่าพันธุ์เดียว … มนุษย์!

 เจนนิเฟอร์ คิ้ม