ไลฟ์สไตล์

ของดีปากพะยูน"กุ้งแก้วสอลิหะ"
คัด"กุ้งสามน้ำ"สดจากทะเลสาบ

ของดีปากพะยูน"กุ้งแก้วสอลิหะ" คัด"กุ้งสามน้ำ"สดจากทะเลสาบ

12 ก.พ. 2554

   ของดีเมืองลุงอย่าง "กุ้งแก้ว" ผลิตภัณฑ์โอท็อปของจังหวัดที่มีสีสันสวยน่ารับประทาน รสชาติหวานเค็ม กรอบอร่อย กลิ่นหอม เก็บไว้ได้นาน นำไปประกอบอาหารได้หลายประเภท กุ้งแก้ว เป็นผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากกุ้งสด มีความแวววาวเป็นเงา เป็นแก้ว จึงเรียกว่า “กุ้งแก้ว” อาจกล่าวได้ว่า "กุ้งแก้ว" สินค้าที่เป็นของฝากขึ้นชื่อของ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง แม้ราคาค่อนข้างแพง แต่ด้วยกุ้งสดจากทะเลสาบพัทลุง บวกกับกระบวนการทำที่ได้สั่งสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 30 ปี ทำให้กุ้งแก้วสอลิหะ เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคจนผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันนี้

  สอลิหะ หมัดบินเฮด อายุ 60 ปี เจ้าของผลิตภัณฑ์โอท็อป "กุ้งแก้วสอลิหะ" เผยว่า สมัยก่อนอ.ปากพะยูน สามารถจับกุ้งขาวจากทะเลสาบได้จำนวนมาก นอกจากขายเป็นกุ้งสดแล้ว ยังเหลือกุ้งอีก จึงคิดว่ามีวิธีใดบ้างที่สามารถนำมาแปรรูปกุ้งให้สามารถเก็บไว้ได้นานที่สุด จึงทดลองทำเป็นกุ้งแก้วออกขายแต่ไม่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคในพื้นที่ จึงนำกุ้งแก้วไปฝากขายที่ตลาดกิมหยง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

 “ช่วงนั้นกุ้งแก้วที่นำไปยังตลาดกิมหยงนั้นมีทั้งแจก แถม และขายเพื่อให้ผู้บริโภคได้ลองชิมรสชาติกุ้งแก้ว เรียกว่า เราต้องเดินตลาดอย่างหนักกว่าจะมาเป็นกุ้งแก้ว ภายใต้แบรนด์ของกุ้งแก้วสอลิหะ อย่างทุกวันนี้”

  เจ้าของผลิตภัณฑ์โอท็อป "กุ้งแก้วสอลิหะ" บอกอีกว่า แม้วันนี้เป็นระยะเวลากว่า 30 ปีแล้วที่ครอบครัวมีรายได้จากการแปรรูปกุ้งแก้วขาย แต่เมื่อสินค้าขายดี ก็ต้องมีคู่แข่งเพิ่ม แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราได้ยกระดับสินค้าส่งขายในตลาดบนมาเป็นสินค้าของฝากจากอ.ปากพะยูน ให้ผู้ที่เข้ามาท่องเที่ยวอ.ปากพะยูนจะได้ซื้อเป็นของฝากให้ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพ ผู้บังคับบัญชา แทนการชั่งกิโลขายอย่างเมื่อก่อน ซึ่งเป็นความคิดของลูกชายเข้ามาสานต่อกิจการ

  ส่วน นูรูดดีน หมัดบินเฮด บุตรชายวัย 32 ปี ผู้สืบทอดธุรกิจของครอบครัว ยอมรับว่า กุ้งแก้วมีการผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น จึงยกระดับกุ้งแก้วขายในตลาดบน โดยการนำมาใส่กล่องให้สวยงาม และคุณภาพของกุ้งแก้วที่คงเป็นต้นตำรับเดิมทำให้เป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้นจนผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า

 ปัจจุบันกุ้งแก้วราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 500-600 บาทในช่วงเทศกาลปีใหม่ และงานจำหน่ายสินค้าโอท็อป ที่กรุงเทพฯ ที่ผ่านมาสามารถขายกุ้งแก้วได้กว่า 220 กก.ส่งขายในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ ทั้งจ.เชียงใหม่ กรุงเทพฯ และกำลังเปิดตลาดสู่ภาคอีสาน

  นูรูดดีนย้ำด้วยว่า ความโดดเด่นที่กุ้งแก้วของเราเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคนั้น เพราะกุ้งที่ได้จากทะเลสาบพัทลุงเชื่อมต่อกับทะเลสงขลานั้น เป็นทะเล 3 น้ำ คือน้ำจืด น้ำเค็ม และน้ำกร่อย หรือที่เรียกกันว่า " กุ้งสามน้ำ" ทำให้กุ้งจากที่นี่เนื้อแน่น รสชาติอร่อยไม่ใส่สีและสารกันบูด การปรุงนั้นเพียงนำไปทอดก็สามารถใช้เป็นส่วนประกอบกับอาหารชนิดอื่นๆ ได้ทั้งกินกับข้าวต้ม นำไปแกง กินเป็นกับแกล้ม หรือกินๆ เล่น ก็อร่อยจนเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค สนใจผลิตภัณฑ์ติดต่อโทร.0-7469-9132 ได้ทุกวัน

ขั้นตอนการผลิต "กุ้งแก้ว" โดยภูมิปัญญาชาวปากพะยูน
 ส่วนประกอบ กุ้งสด (กุ้งหัวแข็ง) 7 กิโลกรัม, น้ำ 10  ลิตร, เกลือ 1 กิโลกรัม, ถ่าน 3 กิโลกรัม, เตาถ่าน 2 ลูก, ตะกร้า 1 ใบ, กะละมังใบใหญ่ 2ใบ, กะละมังใบเล็ก 1ใบ, แผงตาข่ายสำหรับย่างกุ้ง 1 แผง,เสื่อ 1  ผืน

 สำหรับวิธีการทำ เริ่มจากนำกุ้งสด 7 กิโลกรัม มาเด็ดหัวใส่ตะกร้า จากนั้นล้างน้ำให้สะอาดครั้งละ 1 ลิตร โดยมีกะละมะรองรับไว้ แล้วนำเกลือที่เตรียมไว้มาละลายน้ำ 5 ลิตร จากนั้นนำกุ้งที่เด็ดหัวเสร็จแล้วมาแช่ในน้ำเกลือที่เตรียมไว้เป็นเวลา 30 นาที แล้วตักกุ้งขึ้นใส่ตะกร้า วางให้สะเด็ดน้ำ ระหว่างรอให้กุ้งสะเด็ดน้ำ เตรียมที่สำหรับย่างกุ้ง โดยจุดไฟในเตาถ่าน ให้มีไฟอ่อนพอสมควร นำแผงสำหรับย่างกุ้งมาวางเหนือเตาถ่าน

  เมื่อกุ้งสะเด็ดน้ำ นำมาเทบนแผงที่เตรียมไว้ เกลี่ยให้เสมอ สวยงาม จากนั้น ทุกๆ 30 นาที ต้องคนกุ้งใหม่แล้วเกลี่ยให้เหมือนเดิม เมื่อถ่านหมดต้องเติมเรื่อยๆ เวลาผ่านไป 5 ชั่วโมง ตัวกุ้งจะแห้ง มีสีแสดแวววาว ก็ตักใส่กะละมังใบเล็ก แล้วนำกุ้งไปเทในเสื่อเพื่อให้กุ้งคลายความร้อนเป็นเวลา 30 นาทีแล้วก็ได้กุ้งแก้วที่มีสีสันสวยงาม หอมอร่อย 1 กิโลกรัม พร้อมจำหน่ายหรือรับประทาน

 ส่วนผลพลอยได้จากเศษกุ้ง ซึ่งมีทั้งหัวกุ้งและน้ำกุ้งที่ได้จากการล้างจะนำไปผลิตเป็นมันกุ้ง เป็นผลิตภัณฑ์อีกอย่างหนึ่ง เป็นกำไรสองต่อโดยสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น กุ้งแก้วผัดกะทิวุ้นเส้น กุ้งแก้วผัดเผ็ด ฯลฯ
 ที่มา:กลุ่มชุมชนเทศบาลตำบลปากพะยูน
    
"กันยา ขำนุรักษ์  "