
พระว.จวกโชว์นมสนุกเฉพาะที่กาลีสากล
พระ ว. วชิรเมธีจวกสงกรานต์โชว์นม สนุกเฉพาะที่ แต่กาลีเป็นสากล พระพยอมชี้เป็นประเภทต่อมยางอายแตก-หน้าด้านไร้ยางอาย เรียก ทุมมังกุ ด้าน นิพิฏฐ์ จวกคนติงภาพนางวรรณคดีโชว์หน้าอกเว็บไซต์ วธ. ต่างจากสาวโชว์หน้าอกสีลม ชี้เป็นงานศิลปะไม่ใช่อนาจาร คนมีความร
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย กล่าวถึงการฉลองเทศกาลสงกรานต์แบบไม่ถูกประเพณีไทย ว่า ในเบื้องต้นอยากให้กลับมาดูว่าเทศกาลสงกรานต์คืออะไร 1.คือการเล่นน้ำดับร้อนให้ผ่อนคลาย แต่ที่เห็นอยู่นี้กลายเป็นเล่นน้ำทำให้ร้อนและไม่ผ่อนคลาย ซึ่งตรงกันข้ามเลย เพราะหากได้ดูคลิปแล้วคงจะไม่ปกติกันทุกคน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งที่อยู่ในสถานที่ ผอ.เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร (กทม.) มหาเถรสมาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
2.สงกรานต์คือเทศกาลแห่งความกตัญญูรู้คน เพราะมีประเพณีรดน้ำดำหัว 3.สงกรานต์คือเทศกาลแห่งความรักความอบอุ่นของคนในสถาบันครอบครัว 4.สงกรานต์คือเทศกาลแห่งบุญกุศล เพราะมีประเพณีสรงน้ำพระก่อพระเจดีย์ทราย ทำบุญอัฐิบรรพบุรุษ ฟังเทศน์ฟังธรรม และ 5.สงกรานต์คือเทศกาลแห่งการเริ่มต้นปีใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้คือแก่นของสงกรานต์ 5 ประการ แต่ที่เห็นที่ถนนสีลมกรณีการขึ้นไปเต้นและเปลือยอล่างฉ่างเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของสงกรานต์ในข้อ 1 สาเหตุมาจากไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของสงกรานต์ ตลอดจนสุราทำให้เสียนิสัย ซึ่งสุราแปลตรงตัวว่าหน้าด้าน พอดื่มเยอะๆแล้ว ยางอายก็หายไป นี่คือพิษภัยของสุราที่เห็นชัดเจน ที่อาจจะดื่มเพียงครั้งเดียวแต่เสียหายทั้งชีวิต และสุดท้ายคือสภาวะโรคสามัญสำนึกบกพร่อง ไม่รู้อะไรควรไม่ควร
“ภาพที่เห็นการเก็บกวาดที่ถนนสีลม มีขวดสุราเต็มไปหมด คือสาเหตุสำคัญทีเดียว การที่ใครสักคนจะขึ้นไปทำแบบนั้นคนสามัญสำนึกปกติไม่มีใครทำได้ ถ้าไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือสุรา และสิ่งที่น่าเศร้ คือสนุกสนานชั่วครั้งชั่วคราว แต่จะเสียหายยืนยาวไปตลอดชีวิตเพราะคลิปนี้พอไปอยู่ในยูทูปถอดออกไม่ได้ และตอนนี้ไปทั่วโลกลูกศิษย์ที่อเมริกายังโทรศัพท์มาสอบถาม เสียหายขนาดไหน เรียกว่าเป็นความสุขสนุกเฉพาะที่ แต่เป็นกาลีที่เป็นสากล เพราะทันทีที่เกิดเรื่องไปอยู่เวบไซด์นี้กระจายไปทั่วโลก เสียทั้งส่วนบุคคลและส่วนรวมประเพณีดีงามพลอยมัวหมองไป” พระ ว.วชิรเมธี กล่าว
พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวว่า เทศกาลปีใหม่ตามแบบโบราณของไทย ก็ต้องทำดี อย่าทำอะไรที่เอาเรื่องสนุกปนเข้าไปเป็นหลัก ขนบธรรมเนียมประเพณีเป็นรอง ซึ่งจะออกผลมาในทางน่าเกลียด ลามกที่สุด อย่างในปีนี้ ที่เป็นข่าวดังเวลานี้เช่นเขตบางรัก ซึ่งไม่น่าจะเป็นขนาดนั้น โดยมีการวิเคราะห์ว่าเด็กผู้หญิงที่กระทำ ไม่เมายาบ้า ก็เมาเหล้า หรือเป็นเด็กใจแตก แต่อาตมาคิดว่าน่าจะเลยกว่านั้น ประเภทต่อมยางอายแตก เรียก “ทุมมังกุ” ภาษาธรรมมะแปลว่า เก้อยาก เก้อไม่เป็น หน้าด้านไร้ยางอาย เพราะไปเต้นไปเปิดเผยเนื้อหนังต่อหน้าคนจำนวนมาก ทำลายทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีและภาพลักษณ์ของประเทศชาติ ว่ามีคนเล่นสงกรานต์แบบนี้ด้วยหรือ ซึ่งไม่ควรให้เกิดขึ้นในปีต่อไป ซึ่งก็ดีที่ทางผู้อำนวยการเขตยังแก้ไขปรับปรุง ดำเนินคดีเอาเรื่องราวเพื่อไม่ไปทำที่อื่นอีก
“เมื่อภาพแพร่ออกไปแล้วก็แก้ยากเป็นตราบาปของเขตหรือตำบลนั้นๆ ก็หวังใจว่าบทเรียนที่เขตบางรัก คงสร้างให้เขตอื่นๆจังหวัดอื่นๆ จะไม่สร้างความขมขื่นเกิดความสะดุดหู สะดุดตาต่อไป อย่างไรก็ตาม ก็มีตัวอย่างที่ดีที่ถนนข้าวเหนียว จ.ขอนแก่น มีเขตห้ามขายเหล้า แต่งตัวดีมาก ไม่ชะเวิบชะวาบ ต้องชื่นชมคนจัด ส่วนบางรักขาดการดูแลที่ดี ต้องไม่เมา ป้องกันได้ง่ายที่สุด ถ้าขายเหล้าตัวเดียวพังแล้วครึ่งหนึ่ง” พระพยอม กล่าว
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ภาพรวมการจัดเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ออกมาดีขึ้นกว่าปีก่อนๆ มีเพียงส่วนน้อย เช่น 2 จังหวัดที่ได้รับรายงานว่ามีการเล่นน้ำสงกรานต์ลามกอนาจารคือถนนสีลม กรุงเทพฯ และจ.พิจิตรนั้น ตนได้ประสานตำรวจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งความดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งผู้ที่คอยสนับสนุน คอยเชียร์ ผู้ว่าจ้างด้วยเพราะเข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญา แต่เนื่องจากโทษปรับน้อยเพียง 300-500 บาทเท่านั้นเกรงว่าปีต่อไปจะมีการกระทำเช่นนี้อีก
ดังนั้น มาตรการทางกฎหมายคงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ต้องแก้ด้วยจิตสำนึก รู้สำนึก คนที่มีมันสมองระดับกลางน่าจะเป็นจิตสำนึกที่ดี เป็นคนทำลายชาติ ทำลายวัฒนธรรมไทยอันดีงาม ส่วนกรณีมีการพาดพิงว่ามีการเต้นโคโยตี้หน้าบ้าน ส.ส. คนหนึ่งในจ.พิจิตรนั้น หากมีการตรวจสอบแล้วว่า ส.ส.พิจิตรคนนั้นมีส่วนสนับสนุน จ้าง หรือให้สถานที่สำหรับสาวเต้นโคโยตี้ ก็จะมีการดำเนินคคีไม่มีละเว้น แต่หากเด็กไปเต้นหน้าบ้านท่านเอง ก็คงไปเอาผิดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนวธ.ตนได้หารือกับนายสมชาย เสียงหลาย ปลัดวธ.ว่า ต่อไปเมื่อมีเทศกาลวธ.จะทำคู่มือและรณรงค์ให้ประชาชนรู้จักความหมายที่แท้จริง
นายนิพิฎฐ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า ภาพวาดสีน้ำเป็นนางวรรณคดีของศิลปินคนหนึ่ง ซึ่งขึ้นอยู่ในเว็บไซต์ของ วธ. เป็นภาพอนาจารไม่เหมาะสมและนำมาเปรียบเทียบกับการแก้ผ้าเล่นน้ำสงกรานต์ของหญิงสาวที่สีลมนั้น เพื่อเป็นการลดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว ตนจึงได้สั่งให้มีการนำภาพดังกล่าวออกจากเว็บไซต์แล้ว ทั้งนี้ กรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว ตนอยากจะให้คนไทย มีสุนทรภาพในการดูภาพศิลปะ ให้สวย บางครั้งคำว่าศิลปะกับการอนาจาร อาจจะคาบเกี่ยวกัน ถ้าทุกคนคิดว่าภาพดังกล่าวที่มีการเผยแพร่เป็นภาพอนาจาร ตนก็กังวลว่า รูปปั้นนางเงือก นางผีเสื้อสมุทร ที่จังหวัดสงขลา รวมทั้งประติมากรรมนางอัปสร นางกินรี ก็จะไม่สามารถนำมาจัดแสดงได้ ต้องยกออกหรือทุบทิ้ง หรือไม่ก็ต้องนำชุดชั้นในไปใส่ให้เพื่อให้ไม่ถูกมองว่าเป็นอนาจาร
“ผมอยากให้สังคมทำความเข้าใจ และดูศิลปะให้เป็น เพราะภาพเหล่านี้ไม่ใช่ภาพอนาจาร ซึ่งหากใครดูภาพเหล่านี้เป็นภาพอนาจาร ก็ถือว่าสังคมไทยไม่มีสุนทรีในการมองศิลปะกันแล้ว ไม่เช่นนั้น วธ. คงต้องตั้งงบประมาณ เพื่อจัดซื้อชุดชั้นในให้กับนางเงือก นางผีเสื้อสมุทร นางในวรรณคดีต่างๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม หากประชาชนยังมองว่านางเงือก นางผีเสื้อสมุทร นางอัปษร เป็นภาพอนาจาร วก็ให้โหวต แสดงความคิดเห็นเข้ามาว่าให้ วธ.จะจัดหาชุดชั้นในใส่ให้กับนางอัปษร หรือ นางเงือกก่อนหรือไม่” นายนิพิฎฐ์ กล่าว
ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า ตนได้รับรายงานผลการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ในส่วนของวัด พบว่า มีวัดในอ.ธาตุพนม จ.นครพนม 2 แห่ง เปิดให้มีการจัดหมอลำซิ่งโป๊ภายในบริเวณวัด รวมทั้งมีการปล่อยให้มีการดื่มสุราด้วย ซึ่งถือว่ามีความผิดร้ายแรง เนื่องจากมส.ได้ออกระเบียบว่า ห้ามอบายมุขภายในวัด โดยเฉพาะการดื่มสุรา
ดังนั้น ทางพศ.จึงได้แจ้งเจ้าคณะอำเภอธาตุพนม ดำเนินการลงโทษวัดที่ฝ่าฝืนและปล่อยให้มีการจัดกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมภายในวัด ในขณะเดียวกันเจ้าคณะจังหวัดนครพนมจะมีการประชุมและสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวด้วย ส่วนในจังหวัดอื่นๆยังไม่มีรายงานปัญหาการเล่นน้ำสงกรานต์ที่ไม่เหมาะสมภายในวัดเข้ามา สำหรับกรณีสามเณรเล่นน้ำสงกรานต์ เรื่องนี้ตนขอยืนยันว่า คณะสงฆ์ได้เน้นย้ำให้วัดทุกแห่งดูแลเรื่องนี้อย่างเข้มงวดแล้ว แต่ก็ยังไม่เหตุการณ์สามเณรเล่นน้ำเกิดขึ้น ซึ่งจะให้พศ.ไปสั่งการไม่ได้ เพราะคณะสงฆ์มีระเบียบการปกครองกันเองอยู่แล้ว