ไขข้อข้องใจ ดื้อ "โบท็อกซ์" เกิดจากอะไร อาการเป็นอย่างไร และต้องแก้ไขวิธีใด
หลายคนฉีด “โบท็อกซ์” แล้วไม่เห็นผล อาจจะเข้าข่ายอาการที่เรียกว่า ดื้อโบท็อกซ์ ซึ่งวันนี้ “คุณหมออะตอม” นายแพทย์อนุพงษ์ ไพรวิจิตร แพทย์ผู้บริหาร อะตอมคลินิก จะมาไขข้อข้องใจ อาการดื้อโบท็อกซ์ให้ทุกคนได้รับรู้พร้อมกัน
“โบท็อกซ์” เป็นชื่อทางการค้าของสาร “โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ” ซึ่งถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม เมื่อฉีดไปแล้วจะออกฤทธิ์มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว และช่วยลดริ้วรอยได้
อาการดื้อ “โบท็อกซ์” คืออะไร?
ดื้อโบท็อกซ์หรือภาวะที่ทำให้การรักษาไม่เห็นผล ผลการรักษาสั้นลงน้อยลง เกิดจากภาวะที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันออกมาต่อต้าน เพราะถูกมองว่าเป็นสารแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย ต่อต้านโปรตีนที่เกาะอยู่กับสารโบทูลินั่มท็อกซิน ทำให้สารโบท็อกซ์ของเราไม่สามารถออกฤทธิ์ไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อที่ช่วยลดริ้วรอย หรือลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณที่เราต้องการได้
สาเหตุการดื้อ “โบท็อกซ์”
การฉีดโบท็อกซ์ตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน มีสารปนเปื้อนสูง เปลี่ยนยี่ห้อโบท็อกซ์ตามโปรโมชั่น จำนวนยูนิตที่ใช้เยอะเกินไป และการเว้นระยะการฉีดที่เร็วเกินไป พฤติกรรมเหล่านี้ร่างกายจะถูกกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันออกมา ซึ่งเป็นสาเหตุให้การฉีดโบท็อกซ์ในครั้งต่อๆไปไม่ได้ผล หรือเห็นผลน้อยลงเรื่อยๆ
ใครไม่อยากเกิดอาการดื้อ “โบท็อกซ์” สามารถป้องกันและแก้ไขได้อย่างไร?
อาจจะมีคนไข้ที่ไม่รู้ว่าตัวเองดื้อโบท็อกซ์ เพราะฉีดแล้วไม่เห็นผล จึงเปลี่ยนคลินิก เปลี่ยนหมอ เปลี่ยนยี่ห้อที่ฉีดไปเรื่อยๆ ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันขึ้นไปอีกครับ โดย “คุณหมออะตอม” มีข้อแนะนำดังนี้
- เลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยแพทย์จะประเมินการใช้ยาฉีดมากน้อยแตกต่างกันออกไปในปริมาณที่เหมาะสม และเลือกใช้โบที่ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันการดื้อในอนาคต
- แก้ไขรอให้ภูมิคุ้มกันหมดฤทธิ์ไปเอง โดยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 ปี
- เลือกใช้โบท็อกซ์ยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน ที่มีสารบริสุทธิ์สูง
- แนะนำฉีดเพียงปีละ 2 ครั้งเท่านั้น
ติดตาม คมชัดลึก คลิก
Line: https://lin.ee/qw9UHd2
YouTube: https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w