ไลฟ์สไตล์

พิทักษ์มรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก อย่าให้ใครเคลม!

พิทักษ์มรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก อย่าให้ใครเคลม!

17 พ.ย. 2567

การเคลมเรื่องวัฒนธรรมของไทยไปเป็นชาติอื่น ในขณะนี้เริ่มรุนแรงขึ้นกว่าเดิมมาก คนไทยต่างตระหนัก ปกป้องและพิทักษ์สมบัติทางวัฒนธรรม มาดูกันว่าสถานที่ไหนบ้าง ที่ไทยได้มรดกโลกทางวัฒนธรรม และ มรดกโลกทางธรรมชาติ อย่าให้ใครมาเคลม!

 

 

 

การเคลมเรื่องวัฒนธรรมของไทยไปเป็นชาติอื่นในขณะนี้  เริ่มรุนแรงขึ้นกว่าเดิมมาก ขึ้นขั้นรัฐบาลประเทศนั้นๆก็ร่วมผลักดันด้วย เข้าใจว่าวัฒนธรรมต่างๆที่อยู่รอบๆในโซนเอเชียตะวันออกเชียงใต้นั้นคล้ายกัน แต่!ประเทศไหนจะรักษาให้ดำรงอยู่ถึงปัจุบัน ซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 8 จากการจัดอันดับ “ประเทศที่ร่ำรวยมรดกทางวัฒนธรรมที่สุดในโลก” และเป็นอันดับสูงสุดของประเทศจากฝั่งเอเชีย สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าบรรพบุรุษส่งต่อลูกหลานสืบทอดจึงดำรงอยู่ซึ่งรากเหง้าของวัฒนธรรม

 

 

พิทักษ์มรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก อย่าให้ใครเคลม!

 

 

 

ด้วยความตระหนักว่าการปกป้องพิทักษ์สมบัติทางวัฒนธรรม และธรรมชาติของโลกควรเป็นภารกิจร่วมกันของมนุษย์ชาติทั่วโลก มรดกโลก ไม่ว่าจะเป็น "มรดกโลกทางวัฒนธรรม" หรือ "มรดกโลกทางธรรมชาติ" ที่มีอยู่ทั่วโลกล้วนเป็นสิ่งทรงคุณค่า ต้องหวงแหน ปกป้องรักษาไว้เป็นสมบัติของโลก โดยในประเทศไทยนั้น มีสถานที่สำคัญที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วทั้งหมด 8 แห่ง โดยแบ่งประเภทได้ดังนี้

 

เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร จ.สุโขทัย

 

มรดกโลกทางวัฒนธรรม 5 แห่ง ได้แก่

 

1. เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร จ.สุโขทัย ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2534

 

2. นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2534

 

3. แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จ.อุดรธานี ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2535

 

4. เมืองโบราณศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2566

 

5. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในปี 2567 เป็นมรดกโลกลำดับที่ 8 และแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 5 ของประเทศไทย

 

 

 

อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี

 

 

มรดกโลกทางธรรมชาติ 3 แห่ง ได้แก่

 

1. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ครอบคลุม 3 จังหวัด ได้แก่ จ.อุทัยธานี จ.ตาก และ จ.กาญจนบุรี ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2534

 

2. ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ครอบคลุม 6 จังหวัด ได้แก่ จ.นครราชสีมา จ.ปราจีนบุรี จ.บุรีรัมย์ จ.สระแก้ว จ.นครนายก และ จ.สระบุรี ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2548

 

3. กลุ่มป่าแก่งกระจาน ที่มีพื้นที่ธรรมชาติ ครอบคลุมถึง 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ราชบุรี จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2564

 

 

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง

 

แม้จะมีสถานที่มากมายได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่ความตระหนักต่อการอนุรักษ์วัฒนธรรมและธรรมชาตินั้นควรเกิดขึ้นบนทุกๆ สถานที่ โดยไม่จำเป็นต้องให้สถานที่เหล่านั้นขึ้นทะเบียนมรดกโลก เราทุกคนต้องช่วยกันอนุรักษ์ทั้งวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงามในทุกๆวัน ให้คงอยู่สืบไป

 

 

ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่