1 ก.ย. 'วันยกย่องแมวส้ม' เพื่อเห็นความสำคัญ แมวส้ม มักถูกทอดทิ้งเป็นอันดับ 2
1 กันยายน 'วันยกย่องแมวส้ม' วันสำคัญ เพื่อให้ทุกคนตระหนัก เห็นความสำคัญของเจ้า แมวส้ม ที่มักถูกทอดทิ้งเป็นอันดับ 2 รองจาก แมวดำ
1 ก.ย. 'วันยกย่องแมวส้ม' (Ginger Cat Appreciation Day) เพื่อร่วมกันรณรงค์ลดปัญหาแมวจรถูกทอดทิ้ง ถูกก่อตั้งโดย Chris Roy ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ชาวอเมริการ ที่ผันตัวเป็นนักเคลื่อนไหวสิทธิสัตว์ เพื่อให้ผู้คนให้ความสำคัญกับเจ้า แมวส้ม ที่มักถูกทอดทิ้งเป็นอันดับ 2 รองจาก แมวดำ
ในปี 1997 Chris Roy ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ชาวอเมริกา พบแมวจรสีส้มเดินอยู่ใกล้ๆ บ้าน ด้วยความสงสารจึงอุ้มกลับบ้าน และคิดว่าจะเลี้ยงดูเจ้าตัวน้อยสักพัก แต่สุดท้ายความรักและสายสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเริ่มก่อตัวขึ้น จนในที่สุดเขาตัดสินใจเลี้ยงดูเจ้าเหมียวตัวนั้นให้อยู่ในบ้านของเขาอย่างถาวร และตั้งชื่อให้ว่า 'Doobert' ทำให้วันของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุข ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่อยู่ด้วยกัน
'Doobert' ได้เสียชีวิตลงในปี 2014 ทำให้เขาต้องต่อสู้กับความเศร้าโศกเสียใจจากการสูญเสียแมวอันเป็นที่รัก จนเป็นที่มาให้เขาตั้งวันที่ 1 ก.ย. ของทุกปี เป็น 'วันยกย่องแมวส้ม' เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญและหันมาดูแลเอาใจใส่เพื่อนขนฟูสีส้มนี้
นอกจากนี้เขายังได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน 'Doobert' เอาไว้ติดต่อหาบ้านและศูนย์พักพิงสัตว์กับอาสาสมัครทั่วโลกด้วย ซึ่งได้ทำงานร่วมกับองค์กรกว่า 1,200 แห่งทั่วอเมริกาเหนือ และสร้างฐานอาสาสมัครที่มีผู้รักสัตว์และชื่อชอบสัตว์เลี้ยงมากกว่า 27,000 คน
7 ความลับของแมวส้ม
1. แมวส้ม ทุกตัวคือ แมวลายสลิด (ลายเสือ)
แมวส้มแท้จริงแล้วไม่ใช่สายพันธุ์แท้ที่ไหน แมวส้มแค่บังเอิญเป็นแมวลายสลิดที่มีขนสีส้ม สีส้มของแมวสามารถมีเฉดได้หลากหลาย ตั้งแต่ส้มพาสเทลไปจนถึงส้มเข้ม ขึ้นอยู่กับรหัสพันธุกรรมของแมวตัวนั้นๆ
2. แมวส้ม ทุกตัวมีสัญลักษณ์ M ที่หน้าผาก
เนื่องจากเป็นลักษณะเด่นของแมวลายสลิด จากข้อแรกแมวส้มทุกตัวคือแมวลายสลิด ไม่ว่าแมวส้มที่บ้านของคุณจะมีสีเข้มหรือจางมาก ๆ คุณสามารถที่จะพบตัว M บนหน้าผากของแมวส้มของคุณเสมอ
3. เป็นลูกหลานของ African wildcat
Nature ได้ตีพิมพ์ต้นกำเนิดของ แมวลายสลิด โดยทำการวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมของแมวในยุคต่างๆ ตั้งแต่เมื่อ 9,000 ปีก่อนที่มนุษย์ยังใช้ชีวิตแบบล่าสัตว์และย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยๆ จนถึงแมวในยุคศตวรรษที่ 20 พบว่าแมวอียิปต์แพร่กระจายไปทั่วยุโรปในยุคโรมัน และชาวไวกิ้งช่วยพาแมวอียิปต์ออกไปท่องโลกได้ไกลขึ้นกว่าเดิม ในยุคออตโตมันแมวเริ่มมีการกลายพันธุ์กลายเป็นลายสลิด ในศตวรรษที่ 18 แมวลายสลิดกลายเป็นแมวบ้านในแถบเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ แอฟริกา ยุโรป ที่มีคนกล่าวว่าแมวจะครองโลกนั้นดูจะเป็นไปได้มากเลยทีเดียว
4. แมวส้ม ส่วนใหญ่เป็นแมวตัวผู้
เหตุผลมาจากยีนที่กำหนดขนสีส้มอยู่บนโครโมโซม X สมมติเป็น X1 แมวตัวผู้ซึ่งมีโครโมโซมเพศคือ XY ต้องการ X1 แค่ตัวเดียวก็จะมีขนเป็นสีส้มแล้ว ในขณะที่แมวเพศเมีย โครโมโซมเพศคือ XX ต้องการโครโมโซม X1X1 ถึง 2 ตัว ถึงจะมีขนสีส้ม พูดง่าย ๆ ก็คือ แมวตัวผู้รับโครโมโซม X1 จากแม่แมวที่มียีนนี้ ก็จะมีขนสีส้มทันที ทำให้โอกาสเกิดแมวส้มตัวผู้ง่ายกว่าแมวส้มตัวเมีย
5. แมวส้ม มักมีกระบนใบหน้า
เหมือนเป็นของขวัญที่มากับยีนสีส้ม สามารถพบกระบนใบหน้า จมูก ริมฝีปาก เหงือก ของแมวส้มส่วนใหญ่ได้ กระที่พบมักไม่อันตราย แต่หากกระเริ่มมีสีหรือขนาดที่เปลี่ยนแปลงไป ควรปรึกษาสัตวแพทย์
6. แมวส้ม มีลวดลายบนตัวได้ถึง 5 แบบ
- Classic คือลายแบบเจ้าเหมียวในโฆษณาวิสกัสนั่นเอง ลักษณะเป็นลายหมุนวนตรงกลางลำตัว
- Mackerel ลักษณะเด่นของลายนี้ก็คือ ลายพาดขวางกลางลำตัวจากด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่งเต็มตัวคล้ายเสือ หรือปลาแมกเคอเรล
- Spotted มีลายพาดขวางกลางลำตัวเหมือนกัน แต่จะไม่เป็นเส้นเรียวยาวต่อกันเหมือนแบบ Mackerel จะเป็นลักษณะจุดๆ แทน
- Ticked (Agouti) ลักษณะลายแบบนี้จะไม่มีลายพาดขวางเหมือนแบบอื่นๆ บางตัวพบลายพาดขวางที่บริเวณคอ แขน แต่จะไม่มีลายพาดขวางที่กลางลำตัว สามารถพบสัญลักษณ์ M ได้ที่หน้าผาก
- Patched ลักษณะเด่นของลายนี้คือการพบลายขวางเป็นบริเวณๆ เท่านั้น ไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน อาจพบสีอื่นบนตัวร่วมด้วย เช่น สีขาว ส้ม ดำ
7. แมวส้ม มีนิสัยเฉพาะตัว
ถึงแม้ว่าจะมีขนสีส้มเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้แมวส้มมีนิสัยที่เหมือนกัน แมวส้มแต่ละตัวมีนิสัยและบุคลิกภาพที่แตกต่างกันไป ด้วยข้อมูลการศึกษาของแมวส้ม ณ ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานที่บ่งบอกได้ว่าแมวส้มมีลักษณะนิสัยที่เหมือนกันอย่างไร
ข้อมูล : gatoro