ไม่ต้องไปถึงไอซ์แลนด์ ก็เห็นแสงเหนือได้ ผลพวงจากพายุสุริยะระลอกใหญ่
KEY
POINTS
สำหรับปรากฏการณ์ แสงเหนือ-แสงใต้(Aurora) เกิดขึ้นเมื่ออนุภาคพลังงานสูงจากดวงอาทิตย์ถูกขั้วแม่เหล็กโลกดึงดูดและทำปฏิกิริยากับก๊าซในชั้นบรรยากาศ จนเกิดเป็นแสงสีต่างๆ บนท้องฟ้ายามค่ำคืน รูปร่างคล้ายกับม่าน และมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างอย่างรวดเร็ว แสงเหนือ-แสงใต้ มักเกิดขึ้นในบริเวณที่ละติจูดสูง เช่น บริเวณใกล้ขั้วโลกเหนือ ที่เรียกว่า แสงเหนือ (aurora borealis) และบริเวณใกล้ขั้วโลกใต้ ที่เรียกว่า แสงใต้ (aurora australis) และอยู่ในระดับความสูงตั้งแต่ 80-1,000 กิโลเมตร เหนือพื้นดิน ซึ่งโดยมากจะเป็นสีเขียว แต่บางครั้งก็มีสีม่วงแดง ชมพู ส้ม และน้ำเงิน โดย แสงออโรร่าจะปรากฏในบริเวณใกล้กับขั้วสนามแม่เหล็กของโลกเท่านั้น โดยปกติแล้วจะสามารถมองเห็นแสงได้ที่เหนือละติจูด 60 องศาเหนือ และต่ำกว่า 60 องศาใต้ โดย "แสงใต้" จะเรียกว่าแสงออโรรา ออสเตรลิส ซึ่งประเทศที่นักท่องเที่ยวนิยมไปชมแสดงเหนือมากที่สุดนั่นก็คือ ประเทศไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ที่ละติจูด 64 องศาเหนือโดยประมาณ จึงทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการชมแสงเหนือ
แต่ล่าสุด เมื่อคืนวันศุกร์ (10 พฤษภาคม 2567) ที่ผ่านมาในหลายประเทศเกิดปรากฏการณ์แสงเหนือ การเต้นรำของแสงสี เต็มน่านฟ้า ตั้งแต่ แคนาดา สหราชอาณาจักร ลิเวอร์พูล เคนต์ นอร์ฟอล์ก ซัสเซ็กซ์ ฯลฯ ไปจนถึงสกอตแลนด์และไอร์แลนด์ รัสเซีย สหรัฐฯ โดยแม้แต่รัฐทางใต้ เช่น แอละแบมาและแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ นอกจากนี้ฝั่งเอเชียบ้านเราอย่างประเทศจีน ที่เมืองซินเจียง ก็สามารถมองเห็นได้เช่นกัน ซึ่ง ผู้คนพากันแชร์ภาพแสงเหนือจากพื้นที่ต่างๆลงในโลกออนไลน์ ดูแปลกตาและสวยงามมากจริงๆ
ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจาก "พายุสุริยะ" (Solar Storm) ที่มีความรุนแรงสูงสุดที่สุดในรอบ 20 ปี โดยอยู่ในระดับ G5 พายุสุริยะ ซึ่งปล่อยพลาสมาและสนามแม่เหล็กออกจากดวงอาทิตย์มาเยือนโลกในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเดินทางด้วยความเร็วเฉลี่ยที่ 800 กิโลเมตรต่อวินาที หลังระเบิดออกมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์ ซึ่งกว้างกว่าโลกที่เป็นดาวเคราะห์ถึง 17 เท่า และเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อระบบนำทาง, โครงข่ายไฟฟ้า (power grid) , ระบบนำทางด้วยดาวเทียมและระบบอื่น ๆ แต่ไม่ส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์