มารี อ็องตัวแน็ต ราชินีฝรั่งเศส ไอคอนแห่งแฟชั่น ผู้ถูกประณาม ด้วยประโยคนั้น
ย้อนประวัติศาสตร์ "มารี อ็องตัวแน็ต" ราชินีฝรั่งเศส ผู้ถูกประณาม ด้วยประโยคนั้น ก่อนถูกปฏิวัติประหารพระนางด้วยกิโยติน ซีนใหญ่พิธีเปิดโอลิมปิก 2024
"มารี อ็องตัวแน็ต" (Marie Antoinette) ราชินีฝรั่งเศส หัวขาดในพิธีเปิดโอลิมปิก ซีนใหญ่ที่ทำเอาหลายคนถึงกับอ้าปากค้าง เพราะไม่คิดว่า โอลิมปิก ปารีสเกมส์ 2024 จะเอาเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์หลังการปฏิวัติฝรั่งเศส ซึ่งมีการประหารพระนางด้วยกิโยติน ในช่วงการปฏิวัติ ปี 1789
การแสดงดังกล่าวเป็นการแสดงชุดแรกที่มาพร้อมคอนเซปต์ถอดมาจากคำขวัญของประเทศฝรั่งเศส เสรีภาพ เสมอภาค ภารดรภาพ สื่อถึงเรื่องราวตั้งแต่ก่อนการปฏิวัติฝรั่งเศส ให้เข้าใจเรื่องราวได้ง่ายในไม่กี่นาทีของการแสดง มาพร้อมเสียงเพลงคุ้นเคยอย่าง "Do You Hear The Peaople Sing?" ผสานไปกับวงดนตรีแนวเมทัลสุดเดือด ณ โรงละครชาเตอเลต์ Théâtre du Chatelet
มารี อ็องตัวแน็ต ราชินีผู้ถูกประณาม
ชื่อเสียงอันโด่งดังก้องโลกของ พระนาง มารี อ็องตัวแน็ต หรือพระนามเดิมคือ อาร์ชดัชเชสมารีอา อันโทนีอา โยเซฟา โยฮันนา (Maria Antonia Josepha Johanna) เรื่องจริงของเธอผู้นี้ยังไม่ถูกไขกระจ่าง เพราะบางคนมองว่าเธอเป็นราชินีที่ฟุ่มเฟือยและไร้ความรับผิดชอบ ขณะที่บางคนมองว่าเธอเป็นเหยื่อของการใส่ร้ายป้ายสีและการปฏิวัติที่โหดร้าย
มารี อ็องตัวแน็ต เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1755 ในราชวงศ์ฮาพส์บวร์คของออสเตรีย ในวัยเด็ก เธอได้รับการอบรมสั่งสอนให้เป็นเจ้าหญิงที่สมบูรณ์แบบ แต่ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่ออายุเพียง 15 ปี เมื่อเธอถูกส่งตัวมายังฝรั่งเศสเพื่อแต่งงานกับเจ้าชายหลุยส์ อ็องตวน มกุฎราชกุมารแห่งฝรั่งเศส การแต่งงานครั้งนี้เป็นการรวมอำนาจระหว่างสองราชวงศ์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุโรป
มารี อ็องตัวเน็ต กับ คดีสร้อยเพชรพาซวย
คดีสร้อยพระศอ เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของมารี อ็องตัวแน็ตอย่างมาก
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อมีการขโมยสร้อยคอเพชรอันล้ำค่าจากร้านจิวเวลรีแห่งหนึ่งในปารีส และมีการกล่าวหาว่ามารี อ็องตัวแน็ตเป็นผู้สั่งซื้อสร้อยคอเส้นนี้ แม้ว่าต่อมาจะพบว่าพระนางไม่ได้เป็นผู้กระทำผิด แต่ข่าวลือนี้ก็ทำให้ภาพลักษณ์ของพระนางเสียหายอย่างหนัก และถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีพระราชวงศ์
ทำไม "มารี อ็องตัวแน็ต" ราชินีแห่งฝรั่งเศส ถึงหัวขาด
จุดจบอันน่าเศร้าของ พระนาง มารี อ็องตัวแน็ต ความไม่พอใจของประชาชนชาวฝรั่งเศสที่มีต่อพระราชวงศ์ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนนำไปสู่การปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789 มารี อ็องตัวแน็ต และพระสวามีถูกจับกุมและขังไว้ในคุกตุยเลอรี หลังจากการพิจารณาคดีที่ไม่เป็นธรรม มารี อ็องตัวแน็ต ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการกิโยตีน เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 1793 ในขณะที่อายุเพียง 37 ปี
ราชินีผู้ถูกประณามสู่ไอคอนแห่งแฟชั่น
หลังจากการเสียชีวิตของมารี อ็องตัวแน็ต ภาพลักษณ์ของเธอได้ถูกนำกลับมาตีความใหม่ในหลายรูปแบบ บางคนมองว่าเธอเป็นเหยื่อของการปฏิวัติ บางคนมองว่าเธอเป็นสัญลักษณ์ของความฟุ่มเฟือย และบางคนก็มองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ในปัจจุบัน มารี อ็องตัวแน็ต กลายเป็นไอคอนแห่งแฟชั่นและวัฒนธรรมป๊อป โดยมีการนำเรื่องราวของเธอมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ละครเวที และนวนิยายมากมาย
มารี อ็องตัวแน็ต เป็นบุคคลที่ซับซ้อนและน่าสนใจ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความขัดแย้งและการเปลี่ยนแปลง เธอเป็นตัวแทนของยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความไม่เท่าเทียมและการปฏิวัติ เรื่องราวของเธอเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของอำนาจ ความเหลื่อมล้ำ และการเมืองต่อชีวิตของบุคคลหนึ่งคน
ถ้าไม่มีขนมปัง ก็กินเค้กสิ!
ในยุคที่ประชาชนกำลังเผชิญกับความยากลำบาก "Let them eat cake" ประโยคที่แปลประมาณว่า ถ้าไม่มีขนมปัง ก็กินเค้กสิ ก็ได้ลือสะพัดไปทั่วเมือง และถูก นำมาเชื่อมโยงกับ มารี อ็องตัวแนต ราชินีแห่งฝรั่งเศส ว่าไม่ใส่ใจประชาชนที่กำลังอดอยาก
แต่ความจริงแล้ว ประโยคนี้ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามารี อ็องตัวแนต เป็นผู้กล่าว และนักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าประโยคนี้เป็นเพียงการสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อโจมตีพระนางและราชวงศ์ฝรั่งเศสในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส
ที่มาที่แท้จริงของประโยคนี้คือ ฌ็อง-ฌักส์ รุสโซ ได้กล่าวถึงประโยคคล้ายคลึงกันนี้ในหนังสือ "คำสารภาพ" (Confessions) ของเขา โดยเล่าถึงเรื่องราวของเจ้าหญิงผู้หนึ่งที่ไม่สนใจความยากลำบากของประชาชนและแนะนำให้พวกเขากินขนมปังบรีย็อช (brioche) แทนขนมปัง