ตรุษจีน สารทจีน เช็งเม้ง ต่างกันอย่างไร ทั้งที่ไหว้บรรพบุรุษเหมือนกัน
ตรุษจีน สารทจีน เช็งเม้ง 3 เทศกาลสำคัญของชาวไทนเชื้อสายจีน มีความต่างกันอย่างไร ทั้งที่ไหว้บรรพบุรุษเหมือนกัน
เทศกาลสำคัญสำหรับคนไทยเชื้อสายจีนที่ยึกถือปฎิบัติต่อกันมาเป็นเวลานานมี 3 เทศกาลคือ ตรุษจีน สารทจีน เชงเม้ง โดยทั้ง 3 เทศกาล ล้วนแล้วเป็นเทศกาลที่มักจะมีการลำลึกถึงบรรพบุรุษด้วยกันทั้งนั้น ทำให้หลายคนเกิดข้อสงสัยว่า ตรุษจีน สารทจีน เชงเม้ง ต่างกันอย่างไร
ตรุษจีน
วันตรุษจีน คือ วันปีใหม่ของชาวจีน โดยในเทศกาลวันตรุษจีนจะมีทั้งหมด 3 วัน คือ "วันจ่าย - วันไหว้ - วันเที่ยว" ตามธรรมเนียม
- วันจ่าย
เป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนเตรียมตัวซื้อของ อาหาร คาว หวาน ผลไม้ ให้ครบก่อนถึงวันจริง
- วันไหว้
ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ ทำทานให้สัมภเวสี ไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยตอนกลางคืนเพื่อขอโชคลาภ ซึ่งเชื่อว่า ไหว้ขอพรขอโชคลาภในคืนนี้ก่อนเข้าสู่วันปีใหม่จีน จะเป็นการนำพาสิ่งที่ดีมาให้
- วันเที่ยว
เป็นวันที่ครอบครัวพากันไปท่องเที่ยว วันนี้การแต่งกายเสื้อผ้าจะเป็นสีสดใสสวยงาม รวมถึงไปไหว้ขอพรญาติผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการถือเคล็ดว่า ไม่ทะเลาะกัน พูดจาไม่ดี ไม่ให้ใครยืมเงิน ไม่ซักผ้า ไม่ใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ เพื่อความเป็นสิริมงคล
- ความสำคัญของวัน ตรุษจีน
ในวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน ตรงกับปฏิทินตามจันทรคติจีน ในวันที่ 1 เดือน 1 และชาวจีนเริ่มนิยมสักการะเทพเจ้า และบรรพบุรุษ เพื่อขอพรจากฟ้าดิน มีกิน มีใช้ ตลอดทั้งปี
วันตรุษจีนจะอยู่ในช่วง สิ้นสุดของฤดูหนาว และเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ ที่แสงอาทิตย์มีอิทธิพลสร้างความอบอุ่น บรรเทาความหนาวจนสิ้นสุดลง
สารทจีน
คำว่า สารท เป็นคำมาจากภาษาบาลี มีความหมายว่า เทศกาลทำบุญในวันสิ้นเดือนสิบ โดยนำพืชพันธุ์ธัญญาหารแรกเก็บเกี่ยวมาปรุงเป็นข้าวทิพย์และข้าวมธุปายาสถวายพระสงฆ์
ในภาษาจีนเรียกวัน สารทจีน ว่า "จงหยวนเจี๋ย" หรือเรียกว่า "กุ่ยเจี๋ย" ซึ่งมีความหมายตรงตัวว่า "วันผี" ในความเชื่อของชาวจีน สารทจีนเป็นเทศกาลที่ลูกหลานแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดยกำหนดวันสารทจีนจะยึดตามปฏิทินจันทรคติ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ของทุกปี
บางตำนานว่าเป็นวันที่ส่งวิญญาณดีขึ้นสวรรค์ และส่งวิญญาณร้ายลงนรก ชาวจีนทั้งหลายสงสารวิญญาณร้าย จึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ เนื่องจากเดือน 7 นี้ถือเป็นเดือนผี ซึ่งประตูนรกจะเปิดให้ผีทั้งหลายมารับส่วนบุญ
ชาวจีนและผู้ที่มีเชื้อสายชาวจีนจึงจัดพิธีไหว้เจ้าที่ในตอนเช้า ตอนสายจะไหว้บรรพบุรุษ และตอนบ่ายจะไหว้ผี หรือวิญญาณพเนจร ซึ่งไม่มีลูกหลานกราบไหว้ สำหรับของไหว้ มีทั้ง อาหารคาวหวาน ของไหว้ที่ขาดไม่ได้คือขนมเข่ง ขนมเทียน นอกนั้นเป็นผลไม้ น้ำชาหรือเหล้า และมีการเผากระดาษเงินกระดาษทองด้วย
เช็งเม้ง
เป็นวันที่ลูกหลาน และเครือญาติจะกลับมารวมตัวกัน เพื่อไหว้ “สุสาน” หรือ “ฮวงซุ้ย” ของบรรพบุรุษอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
วันเช็งเม้งตรงกับวันที่ 5 เม.ย.ของทุกปี ส่วนเทศกาลเช็งเม้งเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 - 8 เม.ย. รวม 7 วัน ปัจจุบันเนื่องจากมีปัญหาการจราจร สุสานต่าง ๆ จึงขยายช่วงเวลาของเทศกาลเช็งเม้งให้ยาวขึ้น คือ ประมาณ 15 มี.ค. - 8 เม.ย.
คำว่า "เช็งเม้ง" ตามสำเนียงแต้จิ๋ว ในภาษาจีนแยกเป็น "เช็ง" หมายถึง สะอาด บริสุทธิ์ และ "เม้ง" หมายถึง สว่าง เมื่อนำมารวมกันแล้วหมายถึง ช่วงเวลาแห่งความแจ่มใส รื่นรมย์ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาในฤดูใบไม้ผลิของจีน ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่มสวยงาม จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการไปไหว้บรรพบุรุษ ณ ที่ฝังศพ แทนการไหว้ป้ายวิญญาณในบ้าน
ในวันเช็งเม้ง ธรรมเนียมปฏิบัติที่ลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีนทำนั้น คือ ทำความสะอาดสุสานบรรพบุรุษ ตกแต่งสุสานให้ดูใหม่ กราบไหว้ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ มีการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง ล้อมวงกินอาหารไหว้ร่วมกันเป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังจากลาของไหว้ จุดประทัดเพื่อความเป็นสิริมงคล
เหตุผลที่ต้องมีวันเช็งเม้งนั้น เพราะชาวจีนแต่ก่อนจะไม่เผาร่างของผู้เสียชีวิตแต่จะฝังแทน นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าแม้จะตายแต่วิญญาณยังอยู่ ดังนั้นจึงมีการไหว้อาหารและข้าวของเครื่องใช้จำเป็น เสมือนให้พวกท่านได้ไปใช้ในอีกภพภูมิ
ตรุษจีน สารทจีน เชงเม้ง ต่างกันอย่างไร
วันตรุษจีน เป็นวันขึ้นปีใหม่ ที่มีการรวมตัวของครอบครัวเพื่อเฉลิมฉลอง มีกิจกรรมการไหว้เจ้า ซึ่งเป็นการสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเทพเจ้าของชาวจีน เพื่อขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และผู้คุ้มครองบ้านเรือน ที่มาปกปักดูแลให้เจ้าบ้านอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
วันเช็งเม้ง เป็นวันที่ลูกหลานเดินทางกลับมารวมตัว เพื่อไหว้ "สุสาน" หรือ "ฮวงซุ้ย" ของบรรพบุรุษอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา โดยไหว้อาหารและข้าวของเครื่องใช้จำเป็นเสมือนให้พวกท่านได้ไปใช้ในอีกภพภูมิ ถือเป็นการแสดงความกตัญญู รำลึกถึงคุณความดี ที่บรรพบุรุษของเราได้กระทำไว้
วันสารทจีน เป็นการไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ระลึกถึงคุณงามความดี และขอพร ขอโชค ส่วนอาหารไหว้นั้นจะเน้นเป็นอาหารที่บรรพบุรุษชื่นชอบเสียส่วนใหญ่ มีการเผากระดาษเงิน กระดาษทองที่เชื่อว่าสามารถส่งไปให้ถึงบรรพบุรุษได้
ขอบคุณข้อมูล : thaipbs