"แมลงก้นกระดก" ตัวเล็กแต่พิษร้าย ทำผิวคัน แสบร้อน ผื่นแดง เป็นรอยไหม้
ลำตัวเป็นปล้องสีส้มสลับดำ "แมลงก้นกระดก" เห็นตัวเล็กๆแบบนี้แต่มีพิษร้าย ทำผิวคัน แสบร้อน ผื่นแดง เป็นรอยไหม้ เป็นแผลพุพอง และหากถูกพิษเข้าบริเวณดวงตาอาจทำให้ตาบอดได้ มาให้รู้เท่าทันและป้องกันพิษร้ายจากเจ้าแมลงตัวนี้ได้อย่างถูกต้องกันเถอะ
ทำความรู้จักกับ “แมลงก้นกระดก”
แมลงก้นกระดก ด้วงก้นกระดก หรือแมลงเฟรชชี่ หรือในอีกหลายๆ ชื่อ คือแมลงขนาดเล็กประมาณ 7-8 มิลลิเมตร มีลักษณะลำตัวเป็นปล้องๆ โดยมีส่วนหัวกับส่วนหางเป็นสีดำ และส่วนท้องเป็นสีส้ม เมื่ออยู่กับที่จะชอบงอส่วนท้องขึ้นลง ซึ่งแมลงก้นกระดกจะชอบออกมาเล่นแสงสว่างตามบ้านเรือน ที่เป็นเหตุให้ผู้คนที่พบเจออาจบังเอิญสัมผัสแมลงก้นกระดกได้ แมลงชนิดนี้ยังชอบอาศัยอยู่บริเวณโพรงหญ้าที่มีความชื้น
พิษของแมลงก้นกระดก
แมลงก้นกระดกสามารถปล่อยสารพิษที่มีชื่อว่า “พิเดอริน” ที่มีลักษณะเป็นกรดออกมา หากสัมผัสถูกพิษของแมลงก้นกระดกจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณผิวหนังที่สัมผัสได้
คัน แสบร้อน ผื่นแดง อาการจากพิษของแมลงก้นกระดก
โดยหลังจากการสัมผัสถูกตัวแมลงก้นกระดกแล้ว อาการจะยังไม่ปรากฏขึ้นมาให้เห็น แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 6-12 ชั่วโมง จะเริ่มแสดงอาการแสบร้อนหรือคันเล็กน้อย และบริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับแมลงจะเกิดผื่นแดงคันเป็นขอบเขตชัดเจน หรืออาจพบตุ่มน้ำใส หรือเป็นรอยไหม้ เป็นแผลพุพอง โดยลักษณะของรอยจะเป็นทางยาวเนื่องจากเกิดจากการปัดแมลง ซึ่งความรุนแรงของอาการจะขึ้นอยู่กับปริมาณของสารพิษพิเดอรินที่ได้รับจากการสัมผัสถูกตัวแมลงก้นกระดก ในกรณีผู้ที่แพ้สารพิษนี้อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ และหากถูกพิษเข้าบริเวณดวงตาอาจทำให้ตาบอดได้ ทั้งนี้หากเกิดเป็นรอยแดงเล็กๆ รอยจะสามารถหายไปได้เองเมื่อผ่านไป 2-3 วัน แต่หากเป็นแผลที่ค่อนข้างรุนแรง ผื่นแดงหรือแผลจะตกสะเก็ดและหายเองได้ใน 7-10 วัน แต่มักจะทิ้งรอยดำไว้ เมื่อผ่านไปซักระยะรอยดำจะค่อยๆ จางหายไป กรณีหากแผลมีการติดเชื้อซ้ำในจุดเดิม อาจทำให้ผื่นหรือแผลหายช้าลง หรืออาจลุกลามจนเกิดเป็นแผลเป็นหลังจากหายแล้วได้
วิธีดูแลตัวเองหากสัมผัสถูกแมลงก้นกระดก
หากร่างกายสัมผัสโดนพิษจากแมลงก้นกระดก ให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาด หรือเช็ดด้วยแอมโมเนีย จากนั้นทำการประคบเย็นบริเวณที่สัมผัสโดน ไม่ควรสัมผัสโดยตรงกับบริเวณที่ถูกพิษ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรือลุกลามเพิ่มได้ หากอาการผื่นหรือแผลพุพองเริ่มมีการอักเสบหรือขยายวงกว้างมากขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี โดยการรักษาผื่นที่เกิดขึ้น คือการใช้ครีมสเตียรอยด์ทาบริเวณที่เกิดผื่น หากเป็นแผลพุพองจะรักษาโดยการประคบด้วยน้ำเกลือ และสามารถทานยาเพื่อบรรเทาตามอาการที่เกิดขึ้นได้
ที่มา:paolohospital