แพทย์แนะ ควรใช้ชีวิตอย่างไร ในวันที่ "ฝุ่น PM2.5" ปกคลุมทั่วเมือง
วิธีหลีกเลี่ยงการเจอ "ฝุ่น PM2.5" คือ การงดดำเนินกิจกรรมกลางแจ้ง ปิดประตูหน้าต่างให้มิอชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นพิษเข้ามาสะสม แต่หากจำเป็นต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง แพทย์แนะว่าควรทำดังนี้
สัปดาห์นี้ค่า “ฝุ่น PM2.5” ในหลายจุดพุ่งสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ติดอันดับ 3 ของโลก เชื่อว่าหลายๆ คนที่ค่อนข้างไวต่อฝุ่น หรือเป็นโรคภูมิแพ้อยู่เดิมน่าจะเริ่มมีอาการกันแล้ว ตั้งแต่ฟึดฟัด คัดจมูก เริ่มมีน้ำมูกไหล บางคนถึงกับหายใจไม่สะดวก และเจ็บคอกันเลยทีเดียว
แพทย์หญิง ภคมน เดชส่งจรัส แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ความงามและชะลอวัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิต เจ้าของเพจหมอส้มว่าสวย แพทย์เจ้าของนภัสรีย์ คลินิก กล่าวว่า อย่างที่ทราบกันดีว่าเจ้า “ฝุ่น PM2.5” นี้มีขนาดเล็กมากกว่า 10 ไมครอน จึงสามารถแทรกซึมผ่านถุงลมฝอยในปอดเข้าไปสู่ทุกเซลล์ของอวัยวะในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นนอกจากผลกระทบในส่วนของทางเดินหายใจแล้ว ฝุ่นจิ๋วนี้ ยังส่งผลต่อทุกระบบการทำงานร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบหลอดเลือด ระบบสมอง ระบบหัวใจมีส่วนทำให้เกิดมะเร็งของอวัยวะต่างๆ นอกจากนี้ “ฝุ่น PM2.5” ยังสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังของเราได้โดยตรง และส่งผลให้เกิดความผิดปกติของผิวหนังอีกด้วย
ผลกระทบจากฝุ่น “ฝุ่น PM2.5” ที่มีต่อผิวหนังของเรา เกิดจากการที่ตัวมันเองเป็นสารประกอบจากสารพิษหลายหลายชนิด เช่น สารคาร์บอนอินทรีย์ โลหะหนัก สาร PAH เกลือซัลเฟต และอื่นๆ ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวเกิดภาวะดังนี้
- ทำลายคอลลาเจนทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดเป็นริ้วรอย ความหย่อนคล้อยก่อนวัยอันควร
- กระตุ้นการทำงานของเซลล์ Melanocyte ให้ผลิตเม็ดสี Melanin ออกมามากผิดปกติทำให้เกิดเป็นจุดด่างดำ ฝ้า กระ ได้ง่ายขึ้น
- กระตุ้นการอักเสบของผิวหนังทำให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบ ลมพิษบริเวณผิวหนัง หรือผื่นคันต่างๆ บริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะคนที่มีโรคผิวหนังอยู่เดิมอยู่แล้วเช่นโรคผิวหนังอักเสบ สะเก็ดเงิน สิว ภูมิแพ้ต่างๆ จะทำให้โรคกำเริบมากขึ้นได้
การป้องกันผิวหนังของเราไม่ให้เกิดผลกระทบจาก “ฝุ่น PM2.5” นี้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือการหลีกเลี่ยงการเจอฝุ่นโดยตรง งดดำเนินกิจกรรมกลางแจ้งให้มากที่สุด ปิดประตูหน้าต่างในบริเวณบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นพิษเข้ามาสะสมในบ้านหรืออาคาร หลีกเลี่ยงการอยู่ในอาคารที่ไม่มีระบบฟอกอากาศ
แต่หากจำเป็นต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งควรทำดังนี้
- สวมใส่เสื้อผ้าที่ปกคลุมร่างกายมิดชิด
- ทาครีม หรือครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติในการป้องกันฝุ่นpm 2.5
- หลังเสร็จกิจกรรมให้รีบอาบน้ำชำระล้างทำความสะอาดผิวหนัง
- รับประทานผักผลไม้เพื่อเพิ่มสารต้านอนุมูนอิสระให้กับร่างกาย
- เลือกรับประทานอาหารเสริมกลุ่มที่มีสารต้านอนุมูนอิสระสูง เช่น กลุ่มเบต้าแคโรทีน แอสต้าแซนทิน เรสเวอราทรอล วิตามินซี วิตามินอี เป็นต้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- หากใครที่มีโรคผิวหนังอยู่เดิม ควรงดเว้นการออกไปในบริเวณที่มีฝุ่นปริมาณมาก
- หากมีอาการทางผิวหนังผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์