'ตรวจภายใน' เจ็บไหม เขินอายไม่กล้า เหตุผลผู้หญิงป่วยรุนแรงรักษาไม่หาย
การ 'ตรวจภายใน' จะว่าเป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิงก็ว่าได้ ทั้งเขินอาย กลัวเจ็บ เหตุผลเหล่านี้ทำให้ผู้หญิงป่วยด้วยโรคนรีเวช การตรวจภายในจึงมีความสำคัญมาก
ผู้หญิงหลายคนยังกลัวการตรวจภายใน รู้สึกเขินอาย กลัวเจ็บขณะตรวจ จนไม่ได้เข้ารับการตรวจภายในช่วงวัยที่ควรตรวจ บางคนพบโรคตอนอาการหนักแล้ว ความกลัวจึงเป็นหนึ่งสาเหตุที่หญิงไทยเสียชีวิตไม่น้อย วันนี้ คมชัดลึก จะพาไปหาคำตอบว่า "ตรวจภายใน" เจ็บไหมตรวจภายในสำคัญแค่ไหน
กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยตัวเลขผู้ป่วยโรค มะเร็งปากมด ลูกทั่วโลก พบถึงปีละ 500,000 คน เสียชีวิตปีละ 200,000 คน เฉพาะในประเทศไทย มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่คร่าชีวิตหญิงไทยเป็นอันดับ 2 โดยเพิ่มขึ้น 10,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 27 คน และมีผู้เสียชีวิต 5,200 คนต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 14 คน
ตัวเลขผู้ป่วยใหม่สูงขึ้นทุกปี แม้มะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันได้ง่าย และไม่ใช่โรคทางพันธุ์กรรม นาวาอากาศเอก นพ.ภานนท์ เกษมศานติ์ แพทย์สูติศาสตร์-นรีเวชด้านมะเร็ง ได้อธิบายการป้องกันมะเร็งปากมดลูก มี 3 วิธี ได้แก่ 1. การฉีดวัคซีนเอชพีวี (HPV) เป็นการป้องกันมะเร็งปากมดลูกก่อนติดเชื้อ ที่มีในเมืองไทยมาแล้ว กว่า 20 ปี เน้นป้องกันอยู่ 2 สายพันธุ์หลักๆ 70% ที่เป็นต้นเหตุของการก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก คือ สายพันธุ์ที่ 16 และ 18
เพราะฉะนั้นถ้าฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่ยังไม่มีการสัมผัสเชื้อสองตัวนี้ได้ก็จะดีที่สุด และสามารถฉีดได้ตั้งแต่เด็ก อายุ 9-10 ขวบ และมีการทำวิจัยพบว่า สำหรับเด็ก ไม่จำเป็นต้องฉีด 3 เข็มเหมือนผู้ใหญ่ ถ้าเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี สามารถฉีดวัคซีน แค่ 2 เข็มก็มีภูมิคุ้มกันต่อ 2 สายพันธุ์หลัก ป้องกันได้ 100%
2. ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ด้วยการตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear หรือ Pap Test)
3. การตรวจภายในสามารถค้นหาโรคมะเร็งปากมดลูกได้ แต่ยังจะพบความผิดปกติอวัยวะในอุ้งเชิงกรานของสตรี เช่น เนื้องอกในมดลูก ช็อกโกแลตซีสต์ ถุงน้ำในรังไข่ หรือช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นโรคที่ในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ กว่าจะรู้ตัว โรคเหล่านี้ก็อาจเข้าสู่ระยะรุนแรง และอาจจำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
การ "ตรวจภายใน" เป็นการตรวจเพื่อประเมินสุขภาพของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง โดยเรียงจากข้างนอกเข้าไปข้างใน ได้แก่ ปากช่องคลอด ช่องคลอด ปากมดลูก มดลูก ปีกมดลูก และรังไข่
คำถามก็คือว่า ผู้หญิงกลุ่มไหนบ้างที่ต้องตรวจภายใน คำตอบคือ ผู้หญิงที่มีความผิดปกติของประจำเดือน เช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนมามากหรือน้อยผิดปกติ ไม่มีประจำเดือน เคยมีประจำเดือนแล้วหายไปโดยไม่มีการตั้งครรภ์ หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดหลังหมดประจำเดือน มีตกขาวผิดปกติ เช่น สีผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น คัน หรือมีน้ำไหลออกทางช่องคลอด มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เช่น มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์
มีแผลบริเวณอวัยวะสืบพันธ์ภายนอก หรือในช่องคลอด ปวดบริเวณท้องน้อย หรือช่องคลอดเจ็บปวด หรือแสบเวลามีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะกะปิดกะปรอย กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ดเวลาไอจาม คลำเจอก้อนในช่องท้อง หรือท้องโตเร็วผิดปกติ มีภาวะมีบุตรยาก เป็นต้น ควรรีบตรวจภายในทันที
กรณีไม่มีแฟน ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ จำเป็นต้องตรวจภายในไหม? ไม่ว่าจะเคยมีเพศสัมพันธ์ หรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน ทุกคนควรเข้ารับการตรวจภายในเมื่อมีอายุถึงเกณฑ์ที่กำหนด โดยสามารถเริ่มตรวจภายในได้เมื่อมีอายุ 21 ปีขึ้นไป
ส่วนที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน แพทย์จะใช้เครื่องมือตรวจที่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเกิดความเจ็บปวดในขณะตรวจได้ แต่อาจรู้สึกตึงๆ หรือเจ็บเล็กน้อยขณะที่แพทย์ตรวจภายใน ส่วนผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว จะไม่รู้สึกเจ็บขณะตรวจภายใน
อีกหนึ่งข้อสงสัย คือ เวลาไปตรวจภายในต้องโกนขนไหม ทางการแพทย์ระบุไว้ว่า ไม่ควรโกนขน เพราะการวินิจฉัยโรคทางพันธุกรรมบางโรค แพทย์จะต้องตรวจดูลักษณะขนบริเวณอวัยวะเพศด้วย
การตรวจภายในนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้หญิงทุกคนไม่ควรละเลย เป็นการตรวจที่ไม่เจ็บ ไม่น่ากลัว ใช้ระยะเวลาตรวจไม่นาน ประมาณ 15-30 นาที ก็จะช่วยให้คุณรู้สุขภาพของอวัยวะในอุ้งเชิงกราน รู้เท่าทันโรคทางนรีเวชที่อาจเกิดขึ้นได้ และเตรียมรับมือได้อย่างทันท่วงที