วูบ ขณะ วิ่ง ออกกำลังกาย ระวัง 'หัวใจวายเฉียบพลัน'
'หัวใจวายเฉียบพลัน' คือภาวะที่หัวใจหยุดเต้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ทำให้ไม่มีเลือดออกจากหัวใจไปเลี้ยงสมองและร่างกาย ผู้ป่วยจะหมดสติ ล้มลง หยุดหายใจ หรือหายใจเฮือก บางครั้งอาจมีอาการเกร็งกระตุก เนื่องจากสมองขาดอออกซิเจน
รศ.นพ. บัญชา ศันสนีย์วิทยกุล แพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรงพยาบาลรามคำแหง อธิบายว่า ภาวะ หัวใจวายเฉียบพลัน หรือหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน คือภาวะที่หัวใจหยุดเต้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ทำให้ไม่มีเลือดออกจากหัวใจไปเลี้ยงสมองและร่างกาย ผู้ป่วยจะหมดสติ ล้มลง หยุดหายใจ หรือหายใจเฮือก บางครั้งอาจมีอาการเกร็งกระตุก เนื่องจากสมองขาดออกซิเจน อาจทำให้ผู้เห็นเหตุการณ์เข้าใจผิดว่าเป็นโรคลมชักได้ จัดเป็นภาวะฉุกเฉินวิกฤต ผู้ป่วยจะเสียชีวิตถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
ขณะเดินออกกำลังกาย เห็นคนนอนอยู่ที่พื้นจะรู้ได้อย่างไรว่านอนหลับเฉยๆ หรือหัวใจวายเฉียบพลัน ต้องการการกู้ชีวิต ให้ประเมินดูสภาพแวดล้อมว่าคนที่หลับตามหลับปกติจะมาหลับบริเวณนี้ ในลักษณะนี้หรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจ ให้รีบประเมินลักษณะสำคัญ 3 อย่างของหัวใจวายเฉียบพลัน คือ
- หมดสติเรียกไม่รู้สึกตัว
- หัวใจหยุดเต้นคลำชีพจรไม่ได้และ
- หยุดหายใจหน้าอกไม่ขยับขึ้นลงไม่มีลมเคลื่อนเข้าออกผ่านจมูก นอกจากนี้อาจมีลักษณะอื่นๆ เช่น ใบหน้า หรือริมฝีปากเขี้ยวคล้ำจากการขาดออกซิเจน
ใครเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจวายเฉียบพลันบ้าง?
ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันเกิดได้ทั้งคนที่มีโรคหัวใจอยู่เดิม หรือคนที่ไม่เป็นโรคหัวใจ ข้อมูลพบว่า 2 ใน 3 ของคนที่เกิดหัวใจวายเฉียบพลันจะเป็นคนที่แข็งแรงอยู่ก่อน เราจึงได้ยินข่าวเสมอถึงการเสียชีวิตเฉียบพลันในนักกีฬาหรือคนหนุ่มวัยฉกรรจ์ และที่สำคัญคือการเกิดหัวใจวายเฉียบพลันจะเกิดขึ้นแบบไม่เลือกเวลา ไม่เลือกสถานที่ จากข้อมูลพบว่า 2 ใน 3 เกิดในบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่ที่การกู้ชีวิตทำได้ยาก โอกาสรอดชีวิตจึงต่ำมาก
หัวใจวายเฉียบพลันในนักกีฬาพบได้บ่อยหรือไม่?
อุบัติการณ์การเกิดหัวใจวายเฉียบพลันในนักกีฬาแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ โดยทั่วไปจะพบประมาณ 0.1-0.8 รายต่อนักกีฬา 100,000 รายต่อปี ซึ่งยังถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับการเกิดหัวใจวายเฉียบพลันในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ แต่เมื่อเกิดแล้วจะได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจึงมีผลกระทบต่อสังคมอย่างมาก เนื่องจากคนเชื่อว่านักกีฬาควรเป็นคนที่แข็งแรงที่สุดก็ยังเกิดหัวใจวายเฉียบพลันได้...แล้วคนธรรมดาที่ไม่ใช่นักกีฬาจะเป็นอย่างไร
กีฬาแต่ละประเภทมีความเสี่ยงเท่ากันหรือไม่?
กีฬาที่เกิดหัวใจวายเฉียบพลันได้บ่อยมักเป็นกีฬาที่ทำให้หัวใจต้องทำงานหนัก หัวใจจะบีบตัวแรงและเร็วเพื่อไปเลี้ยงร่างกายให้เพียงพอในขณะเล่นกีฬา เช่น บาสเก็ตบอล ฟุตบอล วิ่งมาราธอน นอกจากนี้ กีฬาที่มีโอกาสกระทบกระทั่งกันมากๆ เช่น รักบี้ อเมริกันฟุตบอล บางครั้งอาจมีการกระแทกหน้าอกอย่างแรงทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะขั้นรุนแรงและเสียชีวิตได้
การวิ่งมาราธอนก็มักเกิดเหตุการณ์ในระยะ 5 กิโลเมตรสุดท้ายก่อนถึงเส้นชัย เนื่องจากนักกีฬาอ่อนล้าแล้วและมีการเร่งเพื่อให้เข้าถึงเส้นชัย การขาดน้ำและเกลือแร่จากการเสียเหงื่อ อาจเป็นปัจจัยเสริมให้เกิด กีฬาเบาๆ เช่น กอล์ฟ วิ่งเหยาะๆ ปั่นจักรยานจะพบน้อยกว่า นอกจากนี้คือจะพบในนักกีฬาชายมากกว่านักกีฬาหญิง
จะป้องกันหัวใจวายเฉียบพลันในนักวิ่งได้อย่างไร?
มาตรการที่จะกล่าวต่อไปนี้ สามารถใช้ได้กับการเล่นหรือแข่งขันทุกประเภทนอกจากการวิ่ง โดยมีมาตราการหลัก 3 ข้อประกอบด้วย
- อย่างแรกคือตรวจคัดกรองให้กับผู้เป็นนักกีฬาหรือผู้จะเข้าร่วมการแข่งขัน โดยเฉพาะผู้มีปัจจัยเสี่ยง เช่น อายุมากกว่า 35 ปี สูบบุหรี่ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง มีประวัติโรคหัวใจ หรือเสียชีวิตเฉียบพลันจากโรคหัวใจในครอบครัว โดยแพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรืออาจตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ ที่ ส่วนในกรณีที่นักกีฬามีอายุมากกว่า 35 ปีหรือสงสัยว่าจะมีหลอดเลือดหัวใจผิดปกติ แพทย์อาจส่งตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลัง ที่รู้จักกันดีว่า exercise stress test
- อย่างที่ 2 คือผู้รับผิดชอบนักกีฬาเช่นผู้ปกครอง เจ้าของทีมหรือเจ้าของสถานที่ฝึกซ้อมหรือแข่งขันต้องจัดให้มีการปฏิบัติการกู้ชีพที่มีประสิทธิภาพซึ่งต้องมีเครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้า ที่เรียกย่อๆ ว่า AED รวมอยู่ด้วยให้พร้อมอยู่เสมอ สามารถปฏิบัติการกู้ชีพได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ ขั้นตอนนี้พบว่ามีความสำคัญเพราะสามารถลดอัตราการตายลงได้มาก
- สุดท้ายคือต้องให้ความรู้ความเข้าใจถึงแนวทางการป้องกันการเกิดหัวใจวายเฉียบพลันแก่นักกีฬาเอง บางครั้งก่อนเกิดเหตุอาจมีอาการเตือนหรือผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ นำมาก่อน เช่น แน่นหน้าอก อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายกว่าปกติ แต่นักกีฬาอาจละเลยไม่สนใจ เนื่องจากขาดความรู้ หรือกลัวอดลงแข่งขัน
ปัจจุบันมีการติดตามการเต้นของหัวใจของนักวิ่งด้วยอุปกรณ์บันทึกการเต้นของหัวใจชนิดติดตัว ลักษณะเหมือนแผ่นพลาสเตอร์ปิดแผลขนาดใหญ่ซึ่งสามารถทนน้ำ-ทนเหงื่อ และบันทึกการเต้นของหัวใจขณะมีการเคลื่อนไหวได้ เมื่อวิ่งเสร็จก็นำข้อมูลมาวิเคราะห์ดูว่าตลอดการวิ่งพบหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหัวใจขาดเลือดหรือไม่ เพื่อจะได้วางแผนการดูแลรักษาต่อไป
บางงานวิจัยติดตามการเต้นแบบเรียลไทม์ โดยส่งข้อมูลการเต้นของหัวใจคนไข้ผ่านระบบสัญญาณอินเตอร์เน็ตระบบ 4G/Wi-Fi เมื่อพบความผิดปกติ ทีมแพทย์ก็จะแจ้งเตือนไปที่ตัวนักกีฬาให้ลดความเร็วลงหรือให้หยุด หรือส่งทีมแพทย์เข้าไปให้การรักษาได้ทันที แต่ยังมีข้อจำกัดทางเทคโนโลยีอยู่บ้างสำหรับการส่งสัญญาณชีพแบบเรียลไทม์ในบริเวณที่มีคนอยู่จำนวนมากทั้งนักวิ่งทั้งผู้เข้าชมและมีการใช้ช่องสัญญาญอินเตอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้การติดตามหาตัวนักวิ่งที่มีหัวใจเต้นผิดจังหวะท่ามกลางนักวิ่งจำนวนมากก็ทำได้ลำบาก คงต้องใช้เทคโนโลยีอื่นๆ เช่น โดรนเข้ามาช่วย