ไลฟ์สไตล์

รู้จัก 'วิตามินบำบัด' คืออะไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร และช่วยด้านไหนได้บ้าง

รู้จัก 'วิตามินบำบัด' คืออะไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร และช่วยด้านไหนได้บ้าง

24 ก.ย. 2566

'วิตามินบำบัด' คือการเติมวิตามินและสารอาหารเข้าร่างกายของเรา แต่จะไม่ได้ผ่านการรับประทาน หากแต่เป็นการให้สารอาหารทางหลอดเลือด

หลายๆ ท่าน อาจจะเคยได้ยินคำว่า วิตามินบำบัด หรือ Vitamin Drip ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้น แต่ว่าจริงๆ แล้ว วิตามินบำบัด คืออะไร เหตุใดคนถึงนิยม มีอันตรายหรือไม่ แล้วเหมาะกับใครบ้าง วันนี้ พญ.กฤดากร เกษรคำ แพทย์ American Board of Anti-Aging Medicine จาก Addlife Anti-Aging Center ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี)  จะมาให้ข้อมูลเรื่องนี้กัน

 

พญ.กฤดากร เกษรคำ

 

 

รู้จัก \'วิตามินบำบัด\' คืออะไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร และช่วยด้านไหนได้บ้าง

 

พญ.กฤดากร เกษรคำ แพทย์ อธิบายว่า วิตามินบำบัด หรือ Vitamin Drip คือการเติมวิตามินและสารอาหารเข้าร่างกายของเรา แต่จะไม่ได้ผ่านการรับประทาน หากแต่เป็นการให้สารอาหารทางหลอดเลือด คล้ายๆ กับการให้ยาทางหลอดเลือด ซึ่งข้อดีของการให้สารอาหารทางหลอดเลือดทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารได้เร็วกว่า และปริมาณที่มากกว่าการดูดซึมผ่านระบบทางเดินอาหาร  จึงเหมาะกับคนที่ขาดสารอาหาร หรือต้องการสารอาหารอย่างเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูการทำงานของร่างกาย หรือผู้ที่มีปัญหาการดูดซึมสารอาหารได้ไม่เพียงพอ

 

 

รู้จัก \'วิตามินบำบัด\' คืออะไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร และช่วยด้านไหนได้บ้าง

 

การให้ วิตามินบำบัด หรือ Vitamin Drip เราสามารถเลือกชนิดและปริมาณสารอาหารที่แตกต่างกันไปตามความต้องการของร่างกายและความกังวลด้านสุขภาพได้ เช่น

 

  • สูตรเพื่อผิวดูกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ
  • สูตรเพิ่มภูมิคุ้มกัน ช่วยให้หวัดหายเร็ว ลดอาการอ่อนเพลีย
  • สูตรกำจัดสารพิษ โลหะหนัก ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี
  • สูตรช่วยการเผาผลาญ เพิ่มประสิทธิภาพการลดน้ำหนัก
  • สูตรช่วยการบำรุงสมองและความจำ ช่วยการทำงานของระบบประสาท
  • สูตรช่วยเพิ่มพลังงานระดับเซลล์ ช่วยชะลอวัย
  • สูตรช่วยปรับสมดุลและฟื้นฟูสุขภาพลำไส้
  • สูตรช่วยการนอนหลับให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น

 

ทั้งนี้การให้สารอาหารทางหลอดเลือด เป็นวิธีการที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการ เนื่องจากแต่ละคนก็มีข้อจำกัดด้านสุขภาพที่แตกต่างกันออกไป เช่น การตั้งครรภ์ โรคประจำตัวบางอย่าง การใช้ยาบางชนิด เป็นต้น จึงแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย