ไลฟ์สไตล์

'แพนิคมีกี่ประเภท' อาการแพนิค มีอะไรบ้าง แพนิค แบบไหนควรรีบพบแพทย์

'แพนิคมีกี่ประเภท' อาการแพนิค มีอะไรบ้าง แพนิค แบบไหนควรรีบพบแพทย์

08 ก.พ. 2567
'โรคแพนิค' คืออะไร เปิดข้อมูล 'แพนิคมีกี่ประเภท' อาการแพนิค มีอะไรบ้าง แบบไหนควรรีบพบแพทย์ ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้เป็น 'แพนิค'

KEY

POINTS

  • แพนิค เป็นส่วนหนึ่งของโรควิตกกังวัล จะมีอาการทางกายที่รุนแรง ทันทีทันใด หายเองได้ใน 10-20 นาที แต่จะเกิดขึ้นได้อีก และไม่สามารถหาสาเหตุได้
  • โรคตื่นตระหนก ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตแต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรเข้ารับการรักษาเพราะหากปล่อยไว้นานอาจทำให้เรื้อรังและทำให้อาการกลับมารุนแรงยิ่งขึ้น
  • สาเหตุของ โรคแพนิค ยากจะระบุได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกับปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ

 

 

'แพนิคมีกี่ประเภท' เป็นข้อสงสัยที่หลายคนอยากจะรู้ เพราะมีทั้ง การกลัวความสูง กลัวที่มืด กลัวที่แคบ ซึ่งที่จริงแล้ว แพนิค หรือ โรคตื่นตระหนก นั้น เป็นส่วนหนึ่งของ โรควิตกกังวล ซึ่งประกอบไปด้วยโรคต่างๆ จะมีการแสดงออกทางร่างกายเหมือนกัน แต่ โรคแพนิค จะมีอาการทางกายที่รุนแรง ทันทีทันใด หายเองได้ใน 10-20 นาที แต่จะเกิดขึ้นได้อีก และไม่สามารถหาสาเหตุได้ ส่วน โรควิตกกังวล นั้น โดยทั่วไปจะกังวลแทบทุกเรื่องราวในชีวิต จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

 

 

โรควิตกกังวล มีกี่ประเภท

 

  • โรควิตกกังวลทั่วไป (CAD)
  • โรคกลัวแบบเฉพาะเจาะจง (Phobia)
  • โรคกลัวสังคม (Social Phobia)
  • โรคแพนิค (PD)
  • โรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD)
  • โรคเครียดหลังเหตุสะเทือนใจ (PTSD)

 

 

'โรคแพนิค' มักพบได้บ่อยในวัยรุ่นตอนปลายหรือผู้ที่ย่างเข้าวัยผู้ใหญ่ตอนต้น โดยผู้หญิงจะป่วยมากกว่าผู้ชาย ผู้ที่เกิดอาการแพนิคไม่ได้ป่วยเป็นโรคแพนิคทุกราย เนื่องจากอาการดังกล่าวเกิดขึ้นและหายไปเมื่อเหตุการณ์ที่ทำให้เกิด อาการแพนิค จบลงหรือผ่านพ้นไปแล้ว ต่างจากผู้ป่วย โรคแพนิค ที่มักเกิดอาการแพนิคหรือตื่นตระหนกอยู่เสมอเป็นเวลายาวนาน รวมทั้งมักมีปัญหาสุขภาพจิตอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น โรคซึมเศร้า หรือใช้สารเสพติดอื่นๆ

 

 

อาการแพนิค

 

  • หัวใจเต้นเร็ว
  • หายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนขาดอากาศ
  • หวาดกลัวอย่างรุนแรงจนร่างกายขยับไม่ได้
  • เวียนศีรษะหรือรู้สึกคลื่นไส้
  • เหงื่อออกและมือเท้าสั่น
  • รู้สึกหอบและเจ็บหน้าอก
  • รู้สึกร้อนวูบวาบ หรือหนาวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
  • เกิดอาการเหน็บคล้ายเข็มทิ่มที่นิ้วมือหรือเท้า
  • วิตกกังวลหรือหวาดกลัวว่าจะตาย รวมทั้งรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้
  • กังวลว่าจะมีเหตุการณ์อันตรายเกิดขึ้นในอนาคต
  • หวาดกลัวและพยายามหลีกเลี่ยงสถานที่หรือสถานการณ์อันตรายที่ทำให้รู้สึกหวาดกลัวในอดีต

 

 

อาการแพนิค ที่ควรพบแพทย์

 

โรคตื่นตระหนก ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตแต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรเข้ารับการรักษาเพราะหากปล่อยไว้นานอาจทำให้เรื้อรังและทำให้อาการกลับมารุนแรงยิ่งขึ้น เมื่อรู้สึกว่ามีอาการตื่นตระหนกควรรีบพบแพทย์หรือนักจิตบำบัดทันที

 

นอกจากนี้อาการแสดงทางร่างกายของโรคตื่นตระหนกยังมีความคล้ายกับอาการของโรคร้ายแรงอื่นๆ เช่น โรคหัวใจ การได้รับการตรวจวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญ

 

 

แพนิค

 

 

เป็น โรคซึมเศร้า ระดับไหน ทดลองทำ 'แบบประเมินซึมเศร้า' ทำ 3 ขั้นตอน รู้ทันที : คลิก

 

 

สาเหตุของ โรคแพนิค

 

สาเหตุของ โรคแพนิค ยากจะระบุได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกับปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคแพนิคอาจเกิดจากปัจจัยทางกายภาพและปัจจัยทาง สุขภาพจิต ดังนี้

 

 

ปัจจัยทางกายภาพเป็นต้นเหตุของ โรคแพนิค

 

ผู้ป่วยโรคแพนิคอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งประกอบด้วยการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ความผิดปกติของสมอง และการได้รับสารเคมีต่างๆ ดังนี้

 

การถ่ายทอดทางพันธุกรรม 

  • ผู้ที่บุคคลในครอบครัวมีประวัติป่วยเป็นโรคแพนิคหรือปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ โดยบุคคลนั้นมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ใกล้ชิดกันมาก ก็เสี่ยงป่วยเป็นโรคแพนิคได้
  • ความผิดปกติของสมอง โดยทั่วไปแล้ว สมองจะมีสารเคมีที่เรียกว่าสารสื่อประสาท หากสารสื่อประสาทภายในสมองไม่สมดุล อาจทำให้เกิดอาการแพนิคได้
  • การได้รับสารเคมีต่างๆ ผู้ที่ใช้สารเสพติด ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน รวมทั้งผู้ที่สูบบุหรี่ อาจป่วยเป็นโรคแพนิคได้

 

โรคแพนิคกับปัจจัยทางสุขภาพจิต

 

เหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในชีวิตส่งผลให้เกิด โรคแพนิค ได้ โดยเฉพาะการสูญเสียหรือพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เกี่ยวเนื่องกับ อาการแพนิค ผู้ป่วยจะรู้สึกหวาดกลัวหรือตื่นตระหนกหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น หรืออาจเกิดอาการดังกล่าวต่อไปเรื่อยๆ ยาวนานเป็นปี จนนำไปสู่การป่วยเป็นโรคแพนิค

 

นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่เกิด อาการแพนิค ทุกรายไม่จำเป็นต้องป่วยเป็น โรคแพนิค เสมอไป แพทย์จะวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคแพนิคหากผู้ป่วยมีลักษณะ ดังนี้

 

  • เกิดอาการแพนิคบ่อยๆ โดยหาสาเหตุไม่ได้
  • รู้สึกหวาดกลัวหรือกังวลหลังผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญ โดยเกิดอาการดังกล่าวนานเป็นเดือนหรือมากกว่านั้น รวมทั้งรู้สึกว่าไม่สามารถจัดการหรือควบคุมสิ่งต่างๆ ได้ และมักเลี่ยงสถานที่ที่คิดว่าจะทำให้เกิดอันตราย
  • อาการแพนิคที่เกิดขึ้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากการใช้สารเสพติด การใช้ยาบางอย่าง หรือปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ เช่น โรคกลัวสังคม หรือ โรคย้ำคิดย้ำทำ

 

 

แพนิค

 

 

การรักษา โรคแพนิค

 

จิตบำบัด

วิธีนี้ช่วยรักษาอาการแพนิคและโรคแพนิคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้ป่วยจะเข้าใจอาการแพนิคและโรคแพนิคมากขึ้น รวมทั้งเรียนรู้วิธีที่จะรับมือกับอาการป่วยของตนเอง ส่วนการบำบัดพฤติกรรมผู้ป่วยนั้น จะใช้เทคนิคการบำบัดที่คล้ายกับวิธีรักษา โรคโฟเบีย ซึ่งให้ผู้ป่วยค่อยๆ เผชิญหน้ากับความกลัว ทั้งนี้ การบำบัดพฤติกรรมยังช่วยรักษาพฤติกรรมหลีกเลี่ยงสถานที่หรือเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งผู้ป่วยคาดว่าทำให้เกิดอาการแพนิคด้วย

 

การรักษาด้วยยา

  • ยาเอสเอสอาร์ไอ (Selective Serotonin Reuptake Inhibitors: SSRI)
  • ยาเอสเอ็นอาร์ไอ (Serotonin and Norepinephrine Reuptake Inhibitors, SNRIs)
  • ยาไตรไซลิก (Tricylic Antidepressants)
  • ยากลุ่มเบนโซไดอะซีปีน (Benzodiazepines)
  • ยากันชัก ยากลุ่มนี้ที่ใช้รักษาโรคแพนิคคือพรีกาบาลิน (Pregabalin)

 

 

ภาวะแทรกซ้อนของโรคแพนิค

 

  • โรคกลัวที่ชุมชน (Agoraphobia) ผู้ป่วยโรคแพนิคสามารถป่วยเป็นโรคกลัวที่ชุมชนได้ โดยโรคนี้เป็นปัญหาสุขภาพทางจิตเกี่ยวกับอาการกลัวชุมชนหรือที่สาธารณะที่อาจเกิดเหตุการณ์อันตราย และหนีออกออกมาได้ยาก ส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกกังวล และไม่กล้าเดินทางไปข้างนอกเพียงลำพังได้ ทั้งนี้ ผู้ป่วยอาจเกิดอาการโฟเบียอื่นๆ ได้
  • พฤติกรรมหลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆ ผู้ป่วยอาจเลี่ยงหรือไม่ทำสิ่งต่างๆ หากสิ่งนั้นจะทำให้เกิดอาการแพนิค พฤติกรรมหลีกเลี่ยงนี้ส่งผลต่อการใช้ชีวิต ทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตตามปกติได้
  • ปัญหาอื่นๆ ผู้ป่วยโรคแพนิคเสี่ยงใช้สารเสพติดหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้สูง การสูบบุหรี่หรือบริโภคเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีนก็ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดความเครียดหรือรู้สึกกังวลมากขึ้น

 

 

แพนิค

 

 

การป้องกันโรคแพนิคในอนาคต

 

  • งดหรือลดดื่มเครืองดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน
  • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานยาหรือสมุนไพรรักษาอาการป่วยต่างๆ 
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบถ้วน
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • เข้ารับการรักษาจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งฝึกรับมือกับความเครียด
  • ฝึกคิดหรือมองโลกในแง่บวก ลองนึกถึงสถานที่หรือเหตุการณ์ที่ทำให้จิตใจสงบหรือผ่อนคลาย และเพ่งความสนใจไปที่ความคิดดังกล่าว
  • ควรยอมรับว่าตัวเองรับมือกับอาการแพนิคได้ยาก เนื่องจากการกดดันตัวเองและพยายามระงับอาการแพนิคนั้นจะทำให้รู้สึกแย่กว่าเดิม
  • เผชิญหน้ากับความวิตกกังวลที่เกิดขึ้น โดยลองหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว
  • เมื่อเกิดอาการแพนิคขึ้นมา ควรพยายามตั้งสติ พุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย รวมทั้งหายใจให้ช้าลง โดยนับหนึ่งถึงสามเมื่อหายใจเข้าหรือออกแต่ละครั้ง เนื่องจากการหายใจเร็วจะทำให้อาการแพนิคกำเริบมากขึ้น

 

 

 

ข้อมูล : PobpadMedPark Hospital / ศูนย์การแพทย์แผนจีน รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น