'โรคบกพร่องทางการเรียนรู้' ในเด็ก รักษาได้ ถ้าเข้าใจ
โรค Learning Disorder หรือ 486128 : LD หรือ 'โรคบกพร่องทางการเรียนรู้' หมายถึง ทักษะในการเรียนรู้ของเด็กมีพัฒนาการที่ล่าช้าในด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายด้านพร้อมๆ กัน
หนึ่งในปัญหาที่ผู้ปกครองที่มีลูกอยู่ในวัยเรียนมักพบบ่อย คือ ลูกเรียนไม่ทันเพื่อน ผลการเรียนของลูกไม่ดี หรือมีการสอบตกในบางวิชา สถานการณ์เหล่านี้อาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงของการเป็นโรค Learning Disorder หรือ Learning Disabilities หรือโรค LD ซึ่งจากสถิติสามารถพบเด็ก LD ได้มากถึง 5% ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ขณะเดียวกันกลับพบว่ามีเด็ก LD ส่วนน้อยที่ได้เข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม
รศ.นพ.มนัท สูงประสิทธิ์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นเฉพาะทางด้าน Learning Disorder หรือ Learning Disabilities โรงพยาบาล BMHH – Bangkok Mental Health Hospital กล่าวว่า โรค Learning Disorder หรือ Learning Disabilities : LD หรือโรคบกพร่องทางการเรียนรู้ หมายถึง ทักษะในการเรียนรู้ของเด็กมีพัฒนาการที่ล่าช้าในด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายด้านพร้อมๆ กัน สาเหตุการเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของสมอง จึงส่งผลต่อกระบวนการเรียนรู้ในด้านต่างๆ และมักพบร่วมกับโรคอื่นๆ เช่น โรคสมาธิสั้น โรคออทิสติก โรควิตกกังวล เป็นต้น
ความ บกพร่องทางการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่
- ความบกพร่องในด้านการอ่าน เป็นประเภทที่พบบ่อยที่สุด เด็กจะไม่สามารถอ่านได้อย่างที่ควรจะเป็น เนื่องจากสมองมีความบกพร่องในการแยกแยะเสียง พยัญชนะ วรรณยุกต์ สระ เด็กกลุ่มนี้มักจะอ่านจากความจำ เพราะฉะนั้นจึงอ่านผิดอ่านถูก เนื่องจากต้องเดาคำที่ไม่ค่อยได้เห็น ผลที่ตามมาคือไม่สามารถจับใจความหรือสรุปความจากการอ่านได้
- ความบกพร่องในด้านการเขียน เด็กกลุ่มนี้จะมีปัญหาในเรื่องการสะกดคำ ทำให้ไม่สามารถเขียนหนังสือได้ ลายมือจะอ่านยาก นึกคำศัพท์ที่จะเขียนไม่ได้ ผลที่ตามมาคือไม่สามารถเขียนในสิ่งที่ต้องการจะสื่อได้พร้อม ๆ กันโดยไม่เหมาะสมกับระดับสติปัญญาที่ดีและการศึกษาที่ได้รับ
- ความบกพร่องในด้านการคำนวณ เด็กกลุ่มนี้จะมีข้อจำกัดในด้านทักษะที่เกี่ยวกับตัวเลข การคิดคำนวณ สามารถนับเลขได้ แต่ไม่เข้าใจการคำนวณ ผลที่ตามมาคือมีความยากลำบากในการเปรียบเทียบจำนวนมากหรือน้อย และไม่สามารถบวก ลบ คูณ หารได้
โรคบกพร่องทางการเรียนรู้ เป็นโรคที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ และควรได้รับการวางแผนการเรียนเป็นรายบุคคล ยิ่งได้รับความช่วยเหลือเร็วเท่าไหร่ ยิ่งเป็นผลดีต่อตัวเด็กมากเท่านั้น โดยอาการที่ผู้ปกครองควรสังเกต ได้แก่ ลูกมีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงการอ่าน เขียน หรือคิดเลข ไม่มีสมาธิในการเรียน มีอารมณ์หุนหันพลันแล่น ไม่มั่นใจในตัวเอง หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพาไปแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย รักษาและให้ความช่วยเหลือก่อนที่จะสายเกินไป
สิ่งสำคัญของการรักษาโรค Learning Disorder หรือ Learning Disabilities คือทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ทั้งผู้ปกครอง โรงเรียน และตัวเด็กเอง โดยผู้ปกครองและครูจำเป็นต้องเปิดใจและเข้าใจพื้นฐานของตัวโรค ไม่โทษว่าเป็นเพราะเด็กขี้เกียจ ไม่สนใจเรียน หรือเป็นเด็กเกเร ในขณะที่ตัวเด็กจำเป็นต้องได้รับการประเมินความรุนแรงของโรคก่อน จากนั้นทีมแพทย์และสหสาขาวิชาชีพเฉพาะทางด้าน Learning Disorder หรือ Learning Disabilities จะช่วยกันปรับการเรียนการสอนที่เหมาะสมเด็ก หลักการคือสอนในเรื่องที่เด็กบกพร่องซ้ำ ๆ และสร้างบรรยากาศการเรียนให้สนุก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ และในระหว่างนี้จะช่วยค้นหาความสามารถพิเศษของเด็กร่วมด้วย โดยทุกฝ่ายต้องช่วยให้เด็กมีความเชื่อมั่นว่าตัวเขาสามารถทำได้
“เป้าหมายของการรักษาโรคนี้ คือการลดความเครียดของเด็กลง และช่วยให้เด็กสามารถเรียนทันเพื่อนในเวลาที่เหมาะสม เพราะเด็กที่ได้รับการช่วยเหลือทุกคนสามารถเรียนทันเพื่อนได้ อย่างไรก็ตาม หากเด็กไม่ได้รับความช่วยเหลืออาจนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้าได้ เพราะตัวเขาเองจะรู้สึกไร้ค่าและขาดความภาคภูมิใจในตัวเอง” รศ.นพ.มนัทกล่าว