มะเร็งตับ ภาวะไขมันพอกตับ ภัยเงียบที่ควรระวัง รู้ตัวอีกทีคือระยะสุดท้าย
มะเร็งตับ ภาวะไขมันพอกตับภัยเงียบใกล้ตัวที่ควรระวัง อย่ามองข้ามสัญญาณเตือนที่บอกเหตุถึงความอันตราย รู้ตัวอีกทีคือระยะสุดท้ายกลายเป็นมะเร็งลุกลาม
โรคตับภัยเงียบรู้ตัวช้าถึงขั้นเป็นมะเร็งลุกลาม นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า มะเร็งตับเกิดจากการกลายพันธุ์และการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์ตับ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีโรคที่ทำให้เกิดความผิดปกติของตับมาก่อน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคตับแข็งจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การดื่มสุรา หรือติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีหรือซี หรือภาวะไขมันพอกตับ
อย่างไรก็ดีผู้ป่วยส่วนหนึ่งที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง หรือไขมันพอกตับ อาจเกิดมะเร็งตับได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมี
ภาวะตับแข็งนำมาก่อน จากข้อมูลมะเร็งในภาคใต้ปีงบประมาณ 2564-2566 พบว่ามะเร็งตับเป็นมะเร็งที่พบมากใน 10 อันดับแรกของภาคใต้ และเนื่องจากโรคมะเร็งตับมักจะไม่แสดงอาการในระยะแรกแต่จะแสดงอาการในระยะกลาง-ระยะสุดท้ายแล้ว ซึ่งเป็นระยะที่ยากต่อการรักษา ทำให้อัตราการเสียชีวิตค่อนข้างสูง แต่หากได้รับการวินิจฉัยโรคและรับการดูแลตั้งแต่อาการระยะแรกๆจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยลดความรุนแรงของอาการและเพิ่มโอกาสการหายขาดได้
มะเร็งตับพบมากในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ประมาณ 2 เท่า โดยมักพบในกลุ่มอายุ 30 -70 ปี สำหรับสาเหตุส่วนใหญ่สัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซี ผู้ป่วยตับแข็ง และผู้ที่มีพฤติกรรมดื่มแอลกอฮอล์จัด นอกจากนี้ยังพบว่าสารอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่มีอันตรายมากชนิดหนึ่งที่มาจากเชื้อรา มักพบปนเปื้อนอยู่ในอาหารจำพวกถั่วลิสงแห้ง ข้าวโพด พริกแห้ง กระเทียม เต้าเจี้ยว เมล็ดฝ้าย ข้าวฟ่าง และมันสำปะหลัง เป็นต้น ก็เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็งชนิดนี้ด้วยเช่นกัน หากมีอาการบ่งชี้ของโรคมะเร็งตับ เช่น คลำพบก้อนบริเวณชายโครงด้านขวา มีอาการปวดท้องใต้ชายโครงขวา ตัวเหลืองตาเหลือง ท้องโตขึ้น เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
ในปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบชนิดบีให้กับเด็กตั้งแต่แรกคลอด แต่สำหรับประชาชนที่เกิดก่อนปีพ.ศ. 2535 ที่ยังไม่มีการผลิตวัคซีนดังกล่าว สามารถไปรับการเจาะเลือดเพี่อคัดกรองไวรัสตับอักเสบชนิดบีและชนิดซีได้ฟรีที่โรงพยาบาลใกล้บ้านตามนโยบายมะเร็งครบวงจรของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อค้นหาและรักษาภาวะตับอักเสบ ก่อนที่จะลุกลามเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับ
สังเกตอาการเตือนโรคตับ
- เหนื่อย อ่อนเพลีย
- ผิวเหลือง ตาเหลือง
- ปัสสาวะสีเข้ม
- ท้องอืด เหมือนมีแก๊สในกระเพาะ
- คลื่นไส้อาเจียน
ไขมันพอกตับ…หากปล่อยไว้นานอาจเสี่ยงตับวาย!! โรคไขมันพอกตับ ส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีอาการแสดง แต่ถ้ามีภาวะในระยะยาว เป็นปีหรือเป็นสิบปี อาจจะทำให้มีอาการแสดง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน ดังนั้น การป้องกัน ย่อมดีกว่าการรักษา เราควรตรวจสุขภาพประจำปี และตรวจสุขภาพตับเพื่อป้องกันการเกิดโรค
ตรวจก่อน รักษาก่อน มีโอกาสหายขาดได้
ผู้ป่วยมะเร็งตับที่เข้ามารับการรักษามักมาด้วยอาการที่รุนแรงหรืออาจจะลุกลามไประยะสุดท้าย ซึ่งมีความยากที่จะรักษาให้หายขาดและอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ แนะนำให้ตรวจสุขภาพอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง
การป้องกันเป็นวิธีที่ดีที่สุด
การฉีดวัคซีนป้องกันตับอักเสบการดูแลตนเองด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม การรับประทานผัก ผลไม้ การออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ ลดหุ่น ลดพุง รวมถึงการหลีกเลี่ยงการดื่มแอลออฮอล์และสูบบุหรี่ สิ่งเหล่านี้นอกจากจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งตับแล้ว ยังช่วยเป็นเกราะป้องกันให้ห่างไกลจากโรคอื่นๆ ได้เช่นกัน