ไลฟ์สไตล์

"กินยาดักไว้ก่อน" พฤติกรรมนี้สร้างปัญหาการดื้อยาจริงหรือ?

"กินยาดักไว้ก่อน" พฤติกรรมนี้สร้างปัญหาการดื้อยาจริงหรือ?

28 ต.ค. 2567

"กินยาดักไว้ก่อน" พฤติกรรมนี้สร้างปัญหาการดื้อยาจริงหรือ? หากทำพฤติกรรมดังกล่าวบ่อยๆรู้ไหมว่าทำให้เกิดโทษ จะส่งผลให้ตับทำงานหนัก จนเซลล์ตับถูกทำลาย เกิดภาวะตับอักเสบได้

กินยาดัก เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย

ความเชื่อยอดนิยมที่ว่า หากรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ให้กินยาดักไว้ก่อน โดยคิดว่ายาจะสามารถป้องกันไข้หวัดได้ โดยเฉพาะการกินยาพาราเซตามอลหรือยาลดไข้ชนิดอื่นๆ ในความจริงนั้น ยาเหล่านี้มีฤทธิ์บรรเทาอาการปวด ลดไข้ แต่ไม่ได้มีสรรพคุณในการป้องกันอาการป่วย

 

 

\"กินยาดักไว้ก่อน\" พฤติกรรมนี้สร้างปัญหาการดื้อยาจริงหรือ?

 

 

ดังนั้น การกินยาดักไข้ตอนที่ยังไม่มีอาการจึงไม่สามารถช่วยป้องกันการเป็นไข้ได้ หรือการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่ถูกประเภท เช่น การเป็นหวัดหรือน้ำมูกไหลที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส จะไม่สามารถใช้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อไวรัส และทำให้อาการต่างๆ ดีขึ้นได้ ทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด เนื่องจากการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น จะกระตุ้นให้เชื้อแบคทีเรียกลายพันธุ์และพัฒนาความต้านทานขึ้น

 

\"กินยาดักไว้ก่อน\" พฤติกรรมนี้สร้างปัญหาการดื้อยาจริงหรือ?

 

จนกลายเป็นเชื้อดื้อยา เมื่อเป็นเช่นนี้หากจำเป็นต้องรับการรักษา จะต้องใช้ยาปฏิชีวนะตัวใหม่ ซึ่งอาจจะมีราคาแพงขึ้น และเหลือให้ใช้ได้อยู่ไม่กี่ชนิด จนสุดท้ายอาจจะไม่มียารักษา อีกทั้งยาทุกชนิดมีผลข้างเคียง และอาจเกิดอันตรายหากกินติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน  โดยเฉพาะยาพาราเซตามอล ขนาด 500 มิลลิกรัม หากกินเกินวันละ 8 เม็ด ติดต่อกันเกิน 5 วัน จะส่งผลให้ตับทำงานหนัก จนเซลล์ตับถูกทำลาย และมีโอกาสเกิดภาวะตับอักเสบได้ในที่สุด

 

  \"กินยาดักไว้ก่อน\" พฤติกรรมนี้สร้างปัญหาการดื้อยาจริงหรือ?

 

 

 

ดังนั้น ก่อนจะรับประทานยาปฏิชีวนะ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร และรับประทานยาตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อลดการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็นและป้องกันเชื้อดื้อยา

 

\"กินยาดักไว้ก่อน\" พฤติกรรมนี้สร้างปัญหาการดื้อยาจริงหรือ?