รู้จัก "โนโรไวรัส" ตัวการท้องเสียโรคระบาดในเด็ก พบบ่อยในช่วงหน้าหนาว
รู้จัก "โนโรไวรัส" ตัวการท้องเสียโรคระบาดในเด็ก พบบ่อยในช่วงหน้าหนาว เจ้าไวรัสตัวร้าย มีระยะเวลาฟักตัว 12-48 ชม. ทนต่อความร้อนและยาฆ่าเชื้อ แอลกอฮอล์ไม่สามารถฆ่าได้ ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีน หรือยาตัวใดที่รักษาที่ป้องกันเชื้อโนโรไวรัสได้โดยเฉพาะ
ไวรัสโนโร (Norovirus) เป็นสาเหตุสำคัญของโรคอุจจาระร่วงในคนได้ทุกกลุ่มอายุแต่มักพบในกลุ่มเด็กโตและผู้ใหญ่ซึ่งมักมีการระบาดในครอบครัวหรือชุมชนเดียวกัน เชื้อไวรัสเพียงแค่ 10-100 particles ก็สามารถทำให้เกิดอาการของโรคได้ การติดต่อเป็นแบบ faecal oral route และมีระยะฟักตัว 12-48 ชั่วโมง ที่สำคัญทนต่อความร้อนและน้ำยาฆ่าเชื้อต่างๆ ได้ดี ดังนั้นเมื่อเกิดการปนเปื้อนของโนโรไวรัสในอาหารและน้ำดื่ม จึงทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และสามารถติดต่อกันได้ง่าย เนื่องจากใช้เวลาเพียงไม่นานในการแพร่กระจายเชื้อ ไวรัสนี้พบระบาดได้มากในฤดูหนาว ติดต่อได้ง่ายในสภาพอากาศเย็น และทำให้เกิดโรคทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
ลักษณะของอาการผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย มีไข้ต่ำ ๆ อาการมักรุนแรงในเด็กเล็กและผู้สูงวัยเนื่องจากขาดน้ำ ปกติผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นและหายได้เองภายใน 2-3 วัน แต่ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงโดยเฉพาะในเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุอาจก่อให้เกิดการขาดน้ำได้ ดังนั้นควรดื่มน้ำเกลือแร่โออาร์เอสเพื่อทดแทนการเสียน้ำและเกลือแร่ หรืออาจให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ปัจจุบันยังไม่มียาเฉพาะเจาะจงในการกำจัดเชื้อไวรัสนี้ อีกทั้งยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส
การป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส
- ล้างมือด้วยสบู่ และน้ำสะอาดก่อนทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันบ่อยๆ เช่น ก่อนรับประทานอาหาร ก่อนเปลี่ยนผ้าอ้อม เป็นต้น
- ล้างวัตถุดิบอาหารให้สะอาด เช่น ทำความสะอาดผัก และผลไม้
- ปรุงอาหารให้สุก และถูกสุขอนามัยก่อนรับประทาน โดยเฉพาะอาหารทะเล เช่น หอยนางรม
- หลีกเลี่ยงดื่มน้ำที่ไม่สะอาด และหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำที่ไม่สะอาด
- หลีกเลี่ยงการหยิบจับสิ่งของ และอาหารให้ผู้อื่น ควรใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหารร่วมกัน