องค์การอนามัยโลก แถลงสถานการณ์โรคระบาด HMPV ในประเทศจีน
09 ม.ค. 2568
จากกรณีข่าวการระบาดของ (HMPV) ในประเทศจีน ล่าสุดทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสถานกรณ์การติดเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบในมนุษย์
วันที่ 8 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้มีการออกรายงานว่าแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสถานกรณ์ จำนวนผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจที่พบบ่อยเพิ่มขึ้นในประเทศจีนและพื้นที่อื่นๆ รอบซีกโลกเหนืออยู่ภายในช่วงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว โดยไม่มีรายงานการระบาดที่ผิดปกติ โดยรายงานการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้ป่วยไวรัสเมตาพนิวโมของมนุษย์ (hMPV) ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่พบบ่อยในประเทศจีน ได้กลายเป็นข่าวพาดหัวข่าวไปทั่วโลก โดยมีรายงานว่าโรงพยาบาลต่างๆ ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอ ซึ่งย้อนกลับไป เมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ การระบาดของโควิด-19 เริ่ม ต้นขึ้น
องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่าข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของจีนข้อมูลล่าสุด (29 ธันวาคม 2024) พบมีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน เชื้อที่พบมากที่สุดคือไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล RSV และ HMPV หน่วยงานสาธารณสุขจีนยืนยันว่าระบบสาธารณสุขยังไม่มีภาวะโอเวอร์โหลด อัตราการใช้บริการโรงพยาบาลต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และยังไม่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินแต่อย่างใด
WHO กล่าวเสริมว่า “การที่สังเกตเห็นการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันและการตรวจพบเชื้อโรคที่เกี่ยวข้องในหลายประเทศทางซีกโลกเหนือในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ของปี และไม่ใช่เรื่องแปลก” โดยทั่วไป HMPV ทำให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดเป็นเวลาไม่กี่วัน แต่ในบางกรณีอาจทำให้ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลในกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีความเสี่ยงทางการแพทย์สูง ซึ่งแตกต่างจากไวรัสที่ทำให้เกิด COVID-19 ซึ่งเป็นไวรัสชนิดใหม่ นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า hMPV ถูกระบุครั้งแรกในปี 2544 และมีแนวโน้มว่าจะแพร่ระบาดมานานกว่านั้นมาก ประเทศอื่นๆ หลายแห่ง รวมถึงอินเดียและสหราชอาณาจักร ได้รายงานว่าพบผู้ป่วย hMPV เพิ่มขึ้นในฤดูหนาวนี้ เช่นเดียวกับโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอื่นๆ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม การระบาดพร้อมกันของเชื้อก่อโรคทางเดินหายใจหลายชนิดในฤดูหนาวอาจส่งผลให้เกิดภาระที่เพิ่มขึ้นต่อระบบสาธารณสุขของประเทศต่างๆ