
เช็คดูให้ดี 3 อาการเตือนโปรตีนรั่วในปัสสาวะ เสี่ยงไตพัง!
อาจจะไม่คุ้นชินกับชื่อโรค "โปรตีนรั่วในปัสสาวะ" เนื่องจากโรคนี้ยังพบได้น้อย แต่พฤติกรรมการกินอาจนำพาโรคนี้มาให้คุณได้ เช็คดูให้ดี 3 อาการเตือนโปรตีนรั่วในปัสสาวะ เสี่ยงไตพัง!
เชื่อว่าคนทั่วไปน่าจะไม่คุ้นชินกับชื่อโรค “โปรตีนรั่วในปัสสาวะ” เนื่องจากโรคนี้ยังพบได้น้อย คือมีผู้ป่วยไม่มากนัก วันนี้เราจึงอยากพาไปทำความรู้จักถึงสาเหตุและอาการของโรค เพราะโรคนี้สามารถลดเสี่ยงและป้องกันได้ด้วยการปรับพฤติกรรม โดยเฉพาะการเลือกรับประทานอาหาร การลดบริโภคน้ำตาล และการดูแลรักษาโรคประจำตัวให้ดี โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับไต
อาการโปรตีนรั่ว โรคไตอักเสบที่ต้องระวัง
มีอาการปัสสาวะเป็นฟอง ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน เท้าบวม ตัวบวม หนังตาบวม อาจจะพบว่ามีน้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ อาการโปรตีนรั่ว ทำให้ผู้ป่วยตัวบวมผิดปกติ และไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนกับคนทั่วไป จำเป็นต้องได้รับการรักษา โดยภาวะดังกล่าวยังส่งสัญญาณถึงการอักเสบของไต นำไปสู่ภาวะไตวายในอนาคตได้อีกด้วย อาการโปรตีนรั่ว หรือเรียกว่า “เนฟโฟรติก” เป็นสัญญาณที่แสดงถึงโรคไตอักเสบ มีการขับโปรตีนชนิดที่เรียกว่าอัลบูมินออกมาทางปัสสาวะมากเกินไป ทำให้เกิดอาการตัวบวมตามมา และจะพบมากในเด็ก ซึ่งอาการบวมที่เกิดจากโปรตีนรั่วจำเป็นต้องได้รับการรักษา
สาเหตุของภาวะโปรตีนรั่วในปัสสาวะ
- โรคไตเรื้อรังจากเบาหวาน
- โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE)
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคไตอักเสบ
3อาการบ่งชี้ คุณกำลังเสี่ยงภาวะโปรตีนรั่วในปัสสาวะ
- มีอาการปัสสาวะเป็นฟอง
- ตัวบวม หนังตาบวม เท้าบวม น้ำหนักเพิ่มขึ้นผิดปกติ
- การรักษาภาวะโปรตีนในปัสสาวะรั่ว
รักษาตามสาเหตุ
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน รักษาด้วยการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
- การให้ยาจำเพาะสำหรับการรักษาภาวะโปรตีนในปัสสาวะ ในโรคไตอักเสบ/โรคโปรตีนรั่วในปัสสาวะ
- การรักษาแบบประคับประคอง โดยการหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มหรือรสจัด รวมถึงอาหารที่มีโซเดียมสูง
อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายอยู่เสมอ หากมีอาการตัวบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ ปัสสาวะเป็นฟอง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของความผิดปกติ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
การรักษาอาการเนฟโฟรติก
แพทย์จะใช้ยาลดการอักเสบกลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นยามาตรฐานชนิดแรกที่แพทย์จะเลือกใช้กับคนไข้เนฟโฟรติก หากมีการตอบสนองต่อตัวโรคได้ดี แพทย์จะค่อยๆ ลดยากระทั่งหยุดให้ยา แต่ถ้าหากผู้ป่วยตอบสนองต่อการรักษาไม่ดี แพทย์ไม่สามารถหยุดให้ยาได้ จำเป็นต้องใช้ยากดภูมิอื่น ๆ ร่วมด้วย
นอกจากนี้ยังมีการรักษาแบบประคับประคองซึ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกที่คนไข้มีอาการบวมมาก เพราะถึงแม้จะมีการให้ยาจำเพาะสำหรับการรักษาโรค แต่คนไข้อาจไม่ตอบสนองทันที อาจต้องใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป อาการบวมจึงจะยุบตัวลง ในแง่ของการรักษาแบบประคับประคอง ประกอบด้วย การจำกัดอาหารรสเค็ม อาหารรสจัด อาหารที่ปรุงด้วยเกลือปริมาณมาก เนื่องจากเกลือจะทำให้ตัวบวมมากขึ้น ส่วนในแง่ของอาหารอื่น ๆ เช่น โปรตีน คนไข้ยังสามารถทานได้ตามความเหมาะสมของช่วงอายุคนไข้