
ไขทุกข้อสงสัยก่อนฉีด "วัคซีนงูสวัด" ชนิดใหม่ไม่ถึงวัยฉีดก่อนได้ไหม?
ไขทุกข้อสงสัยก่อนฉีด "วัคซีนงูสวัด" ชนิดใหม่มีกี่ชนิด เหมาะกับใคร ไม่เหมาะกับใคร ประสิทธิภาพดีแค่ไหน ไม่ถึงวัยฉีดก่อนได้ไหม?
งูสวัด เกิดขึ้นได้กับทุกคนแม้ว่าจะแข็งแรงสุขภาพดี แต่พอภูมิคุ้มกันต่ำ หรืออยู่ในวัยเสี่ยงอย่างผู้สูงอายุ ก็อาจเกิดอาการรุนแรง และกระทบการใช้ชีวิตได้มาก เพราะก่อให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำพองใส และอาการปวดเส้นประสาทร่วมด้วย ปัจจุบันมีวัคซีนงูสวัดชนิดใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้สูงขึ้น ลดความเสี่ยงและความรุนแรงของอาการได้มากกว่าเดิม
วัคซีนงูสวัดชนิดใหม่ คืออะไร?
วัคซีนงูสวัดชนิดซับยูนิต (Recombinant subunit zoster vaccine: RZV) เป็นวัคซีนเชื้อตาย ผลิตจากชิ้นส่วนหรือโปรตีนเฉพาะของเชื้อไวรัส เรียกว่า ไกลโคโปรตีน (Glycoprotein) แม้จะไม่ใช้เชื้อไวรัส แต่วัคซีนก็มีฤทธิ์เพียงพอที่จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย และยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันที่สูงกว่าวัคซีนชนิดเดิม (เชื้อเป็น) รวมถึงปลอดภัยกับคนที่มีปัญหาระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โดยฉีดทั้งหมด 2 เข็ม บริเวณกล้ามเนื้อต้นแขน เว้นระยะห่างต่อเข็มราว 2–6 เดือน หรือห่างกัน 1–2 เดือน สำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
วัคซีนงูสวัดแต่ละชนิด ต่างกันอย่างไร
วัคซีนงูสวัดที่ใช้กันในปัจจุบันมี 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ วัคซีนงูสวัดเดิมชนิดเชื้อเป็น (Live-attenuated zoster vaccine) และวัคซีนใหม่ชนิดซับยูนิต มีความแตกต่างกัน ดังนี้
วัคซีนชนิดเชื้อเป็น
ผลิตจากเชื้อไวรัสที่มีชีวิต แล้วทำให้มีฤทธิ์อ่อนลง
ฉีด 1 เข็ม ขนาด 0.65 มิลลิลิตร เข้าใต้ชั้นผิวหนัง
ประสิทธิภาพป้องกันยาวนานประมาณ 8 ปี
เหมาะสำหรับคนอายุ 60 ปีขึ้นไป
ไม่เหมาะสำหรับคนที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
วัคซีนชนิดซับยูนิต
- ผลิตจากโปรตีนของเชื้อไวรัส
- ฉีด 2 เข็ม ขนาด 0.5 มิลลิลิตรต่อเข็ม เข้าชั้นกล้ามเนื้อ
- ประสิทธิภาพป้องกันยาวนานประมาณ 10 ปี
- เหมาะสำหรับคนอายุ 50 ปีขึ้นไป และอายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีความเสี่ยงต่อโรคงูสวัดสูง
วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด ประสิทธิภาพดีแค่ไหน
วัคซีนงูสวัดชนิดใหม่ ไม่เพียงป้องกันการเกิดโรคงูสวัด ลดความรุนแรงของอาการเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันอาการปวดเส้นประสาท (Postherpetic neuralgia: PHN) ที่มักเป็นเรื้อรังหลังจากงูสวัดหายดีแล้วด้วย วัคซีนงูสวัดชนิดใหม่จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคงูสวัดได้ราว 97% และป้องกันอาการปวดเส้นประสาทได้ราว 91% ยาวนานประมาณ 10 ปี แต่ประสิทธิภาพอาจลดลงช่วงหลัง 3 ปีไปแล้ว
วัคซีนงูสวัดชนิดใหม่ เหมาะกับใคร
วัคซีนงูสวัดชนิดใหม่หรือวัคซีนงูสวัดชนิดซับยูนิต สามารถฉีดให้กับคนอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือคนอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคงูสวัด หรือระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องจากปัญหาสุขภาพและการใช้ยา
- คนที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
- คนผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ช่น ผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง ผู้ป่วยเอชไอวี (HIV) หรือผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ
- ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือต่อมน้ำเหลือง ผู้ป่วยที่รักษาด้วยเคมีบำบัด
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคปอด หรือโรคไต
วัคซีนงูสวัดชนิดใหม่ ไม่เหมาะกับใคร
- คนที่แพ้ส่วนประกอบของวัคซีนงูสวัด เช่น สารเจลาตินหรือยานีโอมัยซิน (Neomycin)
- คนที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง โดยเฉพาะหากใช้ยากดภูมิ หรือยาสเตียรอยด์ปริมาณมาก
- หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาด้านความปลอดภัยมากพอ
- เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี แพทย์มักแนะนำให้ฉีดเป็นวัคซีนอีสุกอีใสแทน
- คนที่มีไข้สูงหรือป่วยหนัก แพทย์มักแนะนำให้เลื่อนไปก่อนจนกว่าอาการป่วยจะหายดี ค่อยนัดหมายมาฉีดวัคซีนอีกครั้ง
อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ ฉีดวัคซีนงูสวัดชนิดใหม่ได้ไหม
การฉีดวัคซีนงูสวัดชนิดใหม่เหมาะกับคนอายุ 50 ปีขึ้นไป หรืออายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป แต่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน อาจเป็นจากโรคประจำตัวเอง หรือการใช้ยาบางชนิดที่ไปกดภูมิคุ้มกัน หากอายุต่ำกว่า 18 ปี แพทย์มักแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส (Varicella vaccine) แทน ซึ่งเป็นการติดเชื้อไวรัสชนิดเดียวกัน เพียงแค่ระยะเวลาการก่อโรคต่างกัน วัคซีนอีสุกอีใสจะฉีด 2 เข็ม แนะนำให้ฉีดครั้งแรกตอนอายุ 12–18 เดือน และเว้นระยะห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน ถึงฉีดเข็มที่ 2
เคยฉีดวัคซีนงูสวัดเชื้อเป็นมาก่อน จะฉีดวัคซีนงูสวัดชนิดใหม่ได้ไหม
แม้ฉีดวัคซีนงูสวัดชนิดเชื้อเป็นมาแล้ว ก็สามารถฉีดวัคซีนงูสวัดชนิดใหม่ได้ โดยให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 เดือน แนะนำให้ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 2–6 เดือน ส่วนคนที่มีปัญหาของระบบภูมิคุ้มกันหรือเสี่ยงต่อโรคสูง แพทย์อาจให้ฉีดห่างกัน 1–2 เดือน วัคซีนงูสวัดชนิดใหม่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง ถือเป็นวิธีป้องกันงูสวัดที่ได้ผลดี ดีกว่าเป็นแล้วมารักษาภายหลัง คนที่สนใจแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ถึงประโยชน์ ประสิทธิภาพของวัคซีน และความจำเป็นก่อนฉีด เนื่องจากเป็นวัคซีนเสริมที่ต้องจ่ายเพิ่มเอง
ที่มาของข้อมูล
Mayo Clinic: “Shingles”.
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะเภสัชศาสตร์: “วัคซีนสำหรับผู้สูงวัย: วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด”.
มหาวิทยาลัยมหิดล คณะเวชศาสตร์เขตร้อน โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน: “งูสวัด และวัคซีนป้องกัน”.
มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล: “ทำอย่างไรเมื่อเป็น ..เริม งูสวัด”.
กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค กองโรคติดต่อทั่วไป: “วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด (Recombinant Zoster (Shingles) vaccine)”.
โรงพยาบาลสมิติเวช: “วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด ชนิดใหม่”.