
เช็คเลย! ผักชนิดไหนกินซ้ำๆระวัง "นิ่วในไต" ถามหา
การบริโภคผักบางชนิดก็ต้องรับประทานในประมาณที่เหมาะสม เพราะหากว่ากินมากไปก็เป็นโทษให้แก่ร่างกาย เช็คเลย! ผักชนิดไหนกินซ้ำๆระวัง "นิ่วในไต" ถามหา
นิ่วในไตเป็นโรคที่เกิดจากการสะสมของแร่ธาตุแข็งชนิดต่าง ๆ จนกลายเป็นก้อนแข็งที่มีชนิดและขนาดแตกต่างกัน โดยมักจะพบที่ไตบริเวณกรวยไตและระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นผลมาจากการปัสสาวะเข้มข้นมากและตกตะกอนเป็นนิ่ว ซึ่งนิ่วในไตมีโอกาสเป็นซ้ำได้ซึ่งอาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนิ่วในบริเวณต่างๆ
ผักมีวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย ในแต่ละวันเราควรบริโภคผักในทุกๆ มื้อ แต่อย่างไรก็ตาม การบริโภคผักบางชนิดก็ต้องรับประทานในประมาณที่เหมาะสม ซึ่งส่วนใหญ่ผักที่เราควรระวังในการบริโภคจะเป็นผักพื้นบ้าน
- ผักชีฝรั่ง
- มันสำปะหลัง
- ใบชะพลู
- ผักโขม
- ยอดพริกขี้ฟ้า
- หัวไชเท้า
- ใบกระเจี๊ยบ
- ใบยอ
สาเหตุเพราะในผักดังกล่าวมี กรดออกซาลิก (Oxalic Acid) เมื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกาย กรดจากผักเหล่านี้จะเข้าไปจับตัวกับแร่ธาตุชนิดอื่น เช่นโซเดียม แมกนีเซียม แคลเซียม หรือ โปแตสเซียม เป็นต้น กลายเป็นผลึกอ๊อกซาเลตประเภทต่างๆ ผนึกเหล่านี้เป็นตัวการสำคัญทำให้เกิดนิ่วในไต และกระเพาะปัสสาวะนั่นเอง
ตามผลวิเคราะห์ดูปริมาณกรดออกซาลิคในผักปริมาณ 100 กรัม จากห้องปฏิบัติการของกองโภขนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงผลวิเคราะห์จากต่างประเทศ พบปริมาณกรดออกซาลิคในผักดังกล่าวข้างต้นต่อน้ำหนักผัก 100 กรัม
- ผักชีฝรั่ง (Parsley) 1700 มิลลิกรัม
- มันสำปะหลัง (Cassava) 1260 มิลลิกรัม
- ใบชะพลู 1088.4 มิลลิกรัม
- ผักโขม (Spinach) 970 มิลลิกรัม
- ยอดพริกชี้ฟ้า 761.7 มิลลิกรัม
- หัวไชเท้า 480 มิลลิกรัม
- ใบกระเจี๊ยบ 389.5 มิลลิกรัม
- ใบยอ 387.6 มิลลิกรัม
- ผักปัง 385.3 มิลลิกรัม
- แพงพวย 243.9 มิลลิกรัม
ป้องกันนิ่วในไต
- ดื่มน้ำให้มากช่วยลดโอกาสการตกตะกอนของก้อนนิ่ว
- กินแคลเซียมจากอาหารธรรมชาติให้เพียงพอ
- เลี่ยงเค็ม ลดเกลือในมื้ออาหาร
- ควบคุมการกินเนื้อสัตว์ นม เนย
- กินผักให้เยอะช่วยลดโอกาสเกิดนิ่ว