
สูงวัยเสี่ยง "โรคงูสวัด" เตือน! ฉีดวัคซีนก่อนเกิดอาการรุนแรง-ภาวะแทรกซ้อน
"โรคงูสวัด" ภัยร้ายที่มาเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำ คนสูงวัยเสี่ยงป่วยงูสวัดสูง หมอเตือน! ฉีดวัคซีนก่อนเกิดอาการรุนแรง-ภาวะแทรกซ้อน
เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายและภูมิคุ้มกันของก็เสื่อมลงตามวัย ทำให้ป่วยเป็นโรคต่างๆ ได้ง่ายกว่าเดิม และหนึ่งในโรคที่น่ากลัวของคนวัยนี้ก็คือ "โรคงูสวัด" ซึ่งเกิดจากเชื้อที่ซ่อนตัวอยู่ในร่างกายหลังจากที่เราเคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน พอภูมิคุ้มกันเราอ่อนแอลง ก็อาจไปกระตุ้นทำให้ติดเชื้อและเป็นโรคงูสวัดได้ ทำให้มีอาการปวดแสบปวดร้อน มีผื่นและตุ่มน้ำตามแนวเส้นประสาท ที่น่ากังวลก็คือความเชื่อที่ว่า ถ้ามีผื่นงูสวัดพันรอบตัวอาจทำให้เสียชีวิตได้
นพ.บารมี พงษ์ลิขิตมงคล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ครอบครัว ศูนย์อายุรกรรม รพ.วิมุต จะมาไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคงูสวัด และเล่าถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน เพื่อให้คนสูงวัยที่ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงได้ห่างไกลจากโรคนี้
"โรคงูสวัด" ภัยร้ายที่มาเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำ
โรคงูสวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella zoster virus – VZV) เป็นเชื้อตัวเดียวกันกับโรคอีสุกอีใส เมื่อติดอีสุกอีใสร่างกายอาจไม่ได้กำจัดเชื้อหมด ทำให้เชื้อบางส่วนอาจไปซ่อนอยู่ตามปมประสาท เมื่อภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง ก็อาจกระตุ้นให้เป็นโรคงูสวัดได้ นอกจากนี้งูสวัดสามารถแพร่กระจายจากการสัมผัสหรือหายใจนำละอองจากตุ่มน้ำของผู้ป่วยเข้าไป ซึ่งถ้าติดเชื้อแล้วไม่เคยเป็นอีสุกอีใส ก็จะเป็นอีสุกอีใสก่อน
ส่องปัจจัยเสี่ยง “โรคงูสวัด”
คนที่มีเชื้อของโรคอีสุกอีใสอยู่ในตัวสามารถเป็นโรคงูสวัดได้เมื่อร่างกายอ่อนแอ โดยปกติพบบ่อยในคนอายุ 50 - 60 ปีขึ้นไป หรือในกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง, HIV, โรคเรื้อรัง, โรคเบาหวาน, โรคไตเรื้อรัง หรือคนไข้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องกินยากดภูมิ และโรคแพ้ภูมิตัวเอง จะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงเป็นงูสวัดได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
"โรคงูสวัด" พันรอบตัวไม่ตาย แต่อาการรุนแรงกว่าปกติ
คนที่ป่วยเป็นโรคงูสวัดในช่วงแรกจะมีอาการปวดแสบ ปวดร้อน คันบริเวณผิวหนัง มีไข้ มีผื่น เป็นตุ่มนูนแดงเรียงกันเป็นกลุ่มหรือเป็นแนวยาวตามเส้นประสาท จากนั้นจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสคล้ายกับตุ่มของอีสุกอีใส โดยตำแหน่งที่เจอบ่อยมักจะเจอตรงลำตัวและใบหน้า ใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน ตุ่มก็จะแตกและแห้งไปเอง และจะหายดีประมาณ 2-4 สัปดาห์ นพ.บารมี พงษ์ลิขิตมงคล อธิบายต่อ "หลังจากหายดีแล้วผู้ป่วยบางคนอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งเจอบ่อยในผู้สูงอายุ เช่น ปวดตามแนวเส้นประสาทตรงช่วงที่มีผื่นหรือตุ่มน้ำ ติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง หรือมีภาวะงูสวัดขึ้นตาที่ทำให้เกิดอาการผิดปกติกับดวงตาและการมองเห็น หลายคนเคยได้ยินว่าถ้างูสวัดพันรอบตัวจะทำให้เสียชีวิต ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะคนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น และงูสวัดมักจะขึ้นแค่ด้านใดด้านหนึ่งของลำตัว แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นพร้อมกันสองฝั่งได้ในคนที่มีภูมิต่ำมาก ทำให้มีอาการรุนแรงมากกว่าคนที่อายุเยอะทั่วไป”
แพทย์ชี้ วัคซีนป้องกัน "โรคงูสวัด" ได้ถึง 90%
การป้องกันโรคงูสวัดทำได้ง่ายๆ ด้วยการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เริ่มจากกินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือใกล้ชิดคนที่เป็นงูสวัด ที่สำคัญคือการฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด (Shingrix) 2 เข็ม ซึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) แนะนำให้ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป คนที่มีภูมิต่ำ และคนที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง มารับวัคซีนเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน “โดยวัคซีน Shingrix จำนวน 2 เข็ม สามารถป้องกันการเกิดโรคและภาวะปวดปลายประสาทหลังเป็นงูสวัดได้มากกว่า 90% ครอบคลุมอาการปวดร้อน ปวดแสบปมประสาท ลดความรุนแรงของโรคและโอกาสเกิดซ้ำได้ โดยฉีดเข็มที่สองห่างจากเข็มแรก 2 - 6 เดือน และอาจมีอาการข้างเคียงทำให้ปวดบวมแดงตรงแขนที่ฉีด มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว แต่จะเป็นไม่เกิน 2 วัน” นพ.บารมี พงษ์ลิขิตมงคล อธิบาย